



1. การบันทึกข้อมูลประวัติผู้ป่วย
1.1 สามารถบันทึกข้อมูลประจำตัวผู้ป่วย ได้แก่ HN., ชื่อ, นามสกุล, คำนำหน้านามหรือยศ ตำแหน่ง, วัน/เดือน/ปีเกิด, อายุ (คำนวณจากวัน/เดือน/ปีเกิด), หมู่เลือด (Blood Group), สถานภาพสมรส, เชื้อชาติ, สัญชาติ, อาชีพ, ศาสนา, เพศ, รูปพรรณสัณฐานและข้อมูลภาพ/รูปถ่าย หรือ Identity Field เป็นต้น


1.2 รูปแบบของ วัน/เดือน/ปีเกิด จัดเก็บตามมาตรฐานสากลที่สามารถคำนวณอายุได้ง่าย โดยมีรูปแบบการ Input เป็น dd/mm/yyyy โดย yyyy เป็น พ.ศ. แต่ถ้า Input เป็น ค.ศ. จะต้องแปลงเป็น พ.ศ.

1.3 มีระบบการป้องกันความผิดพลาดในการป้อนข้อมูล (Input) สู่ระบบ ได้แก่ พบความไม่สัมพันธ์กันของข้อมูล เช่น เพศชาย มีคำนำหน้าเป็นนาง (ตามทะเบียนราษฎร์) / เด็กหญิง / เด็กชาย อายุเกิน 15 ปี / อายุเกิน 120 ปี ให้มี warning เพื่อยืนยันอีกครั้ง


1.4 กรณีไม่ทราบวัน/เดือน/ปีเกิด แต่ทราบอายุโปรแกรมสามารถคำนวณ ปีเกิด (เป็น ปี พ.ศ.) จากอายุแล้วใส่ วัน/เดือน เป็น 00/00 (จะได้รูปแบบวัน/เดือน/ปีเกิด เป็น 00/00/xxxx) หรือในกรณีที่ทราบแต่ปี พ.ศ. ที่เกิด ให้สามารถบันทึกเป็น 00/00/xxxx ได้

1.5 สามารถตรวจสอบเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้ถูกต้องตามกระทรวงมหาดไทย

1.6 มีระบบเตือนเมื่อลงข้อมูลของผู้ป่วยไม่ครบ ระบบจะมีหน้าต่าง Alert แจ้งให้ผู้ใช้งานทราบ เช่น


1.7 สามารถลงข้อมูล ที่อยู่ปัจจุบัน (บ้านเลขที่, หมู่, ตรอก/ซอย, ถนน, ตำบล, อำเภอ, จังหวัด, รหัสไปรษณีย์, ประเทศ, หมายเลขโทรศัพท์บ้าน, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ) ได้

1.8 กรณีผู้ป่วยเป็นข้าราชการ สามารถเก็บข้อมูลในส่วนสังกัดหลัก, สังกัดรอง, เลขที่ข้าราชการ และเลขที่กรมบัญชีกลางได้

1.9 สามารถลงข้อมูล ชื่อ – นามสกุลบิดา, ชื่อ – นามสกุลมารดา, ชื่อ – นามสกุล คู่สมรส, ชื่อผู้ติดต่อได้พร้อมที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์, ความสัมพันธ์ของผู้ติดต่อได้กับผู้ป่วย

1.10 สามารถตรวจสอบข้อมูลชื่อ – สกุล / เลขที่บัตรประชาชน หลักโดยเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ได้พร้อมดึงข้อมูล เช่น (ชื่อ – สกุล / ที่อยู่ / ชื่อบิดา – มารดา / รูปถ่าย) ลงในทะเบียนประวัติได้

1.11 สามารถบันทึกข้อมูลสิทธิการรักษาต่างๆ ตามบัตรรับรองสิทธิของผู้ป่วยได้ ตามเลขที่บัตรประชาชน

1.12 หลังจากบันทึกชื่อ–นามสกุลและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ระบบสามารถตรวจสอบทันทีว่าชื่อ–นามสกุลผู้ป่วยอยู่ในระบบเวชระเบียนหรือไม่ ถ้ามีระบบจะแสดงชื่อ–นามสกุล, วัน/เดือน/ปีเกิด, ชื่อบิดา, ชื่อมารดาและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าเป็นคนเดียวกัน

1.13 สามารถบันทึกข้อมูลผู้ป่วยใหม่และเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลได้ เช่น คำนำหน้านาม, ที่อยู่ ฯลฯ

1.14 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อ – นามสกุล ระบบสามารถบันทึกชื่อสกุลเดิมและชื่อสกุลใหม่ที่ทำการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสามารถค้นหาข้อมูลผู้ป่วยได้จากชื่อใหม่และสามารถแก้ไขที่อยู่ หรือ ข้อมูลอื่นๆให้ผู้ป่วยได้ตามความเป็นจริง โดยให้บันทึกรหัส, ชื่อ, นามสกุล, ผู้แก้ไข, วัน, เวลา ทุกครั้ง


1.15 กรณีที่ผู้ป่วยเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลใหม่ ระบบจะเก็บชื่อและนามสกุลเดิมของผู้ป่วย และเก็บเลขที่เอกสารอ้างอิงกับทางราชการ พร้อมหลักฐาน รหัสเจ้าหน้าที่ที่แก้ไข วันที่และเวลาที่แก้ไข

1.16 สามารถทำการยุบรวมแฟ้มประวัติได้ กรณีมีแฟ้มประวัติผู้ป่วยมากกว่า 1 HN
1.17 สามารถรองรับการรวมแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยนอก (merge HN) และสามารถสอบถามประวัติการรวมแฟ้มได้ กรณีที่ผู้ป่วยที่ HN ซ้ำกัน ผู้ป่วยที่เป็นคนเดียวกัน สามารถตรวจสอบ หรือ ดูข้อมูลแฟ้มเวชระเบียนต่อกันได้ หรือ สามารถรวมแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยนอก (merge HN) ได้

1.18 สามารถตรวจสอบการลงทะเบียนผู้ป่วยซ้ำได้ โดยระบบจะตรวจสอบจากเลขที่บัตรประชาชน


1.19 สามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาของผู้ป่วยโดยเชื่อมโยงฐานข้อมูล รพ. / สปสช. ได้

1.20 ระบบรองรับการลงทะเบียนอุบัติเหตุหมู่

1.21 สามารถปกปิดความลับผู้ป่วยได้ และมีสิทธิเข้าถึงว่าใครสามารถเข้าดูข้อมูลปกปิดได้บ้าง

1.22 กรณีที่มีการสั่งพิมพ์ใบแทนแฟ้มเวชระเบียน สามารถระบุสาเหตุของการพิมพ์ใบแทนได้

1.23 สามารถบันทึกข้อมูลการเสียชีวิต วันที่เสียชีวิต สาเหตุการเสียชีวิต สถานที่เสียชีวิต แพทย์ผู้ออกใบรับรองการเสียชีวิตได้

1.24 สามารถบันทึกสรุปการวินิจฉัยโรคและการให้หัตถการได้ ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยบันทึกได้มากกว่า 1 รายการ สามารถเลือกได้จากรายชื่อโรค หรือจากรหัส ICD ทั้งด้านการวินิจฉัยและหัตถการ
2. การบันทึกส่งตรวจผู้ป่วย
2.1 สามารถค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ได้จาก HN, จากชื่อ – นามสกุล, จาก เลขที่บัตรประชาชน และจากที่อยู่

2.2 สามารถเก็บบันทึกข้อมูลสิทธิการรักษาต่าง ๆ ของผู้ป่วย เพื่อยืนยันสิทธิการรักษาของผู้ป่วยแต่ละครั้งที่มารักษา

2.3 สามารถเลือกสิทธิการรักษาของผู้ป่วยได้มากกว่า 1 สิทธิ ในการบันทึกส่งตรวจ


2.4 สามารถบันทึกอาการสำคัญของผู้ป่วยที่มารับการตรวจรักษาในครั้งนั้นได้

2.5 สามารถกำหนดประเภทผู้ป่วยได้ เช่น คนไข้ปกติ, คนไข้ PCU, คนไข้ออกหน่วย เพื่อแยกประเภทคนไข้ได้

2.6 สามารถกำหนดข้อมูลการส่งตรวจเลือกเป็นประเภทผู้ป่วยในเวลา หรือนอกเวลาราชการได้

2.7 สามารถระบุความเร่งด่วนของผู้ป่วยในการตรวจรักษาได้ เช่น มากที่สุด, มาก, ปกติ

2.8 สามารถระบุสภาพผู้ป่วยได้ว่า เดินมา, นั่งรถเข็น, รถเข็น เป็นต้น

2.9 สามารถลงทะเบียนส่งผู้ป่วยไปห้องตรวจโดยจำแนกตามแผนกตรวจต่างๆได้

2.10 สามารถสั่งพิมพ์ใบสั่งยา, พิมพ์บัตรคิว และพิมพ์ยืมแฟ้มเวชระเบียนได้

2.11 สามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามจาก “เด็กชายเป็นนาย” และจาก “เด็กหญิงเป็นนางสาว” เมื่ออายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ อัตโนมัติ

2.12 มีการแจ้งเตือนเมื่อสิทธิบัตรหมดอายุ

2.13 กรณีที่ผู้ป่วยเสียชีวิต ระบบจะไม่อนุญาตให้แก้ไขหรือนำข้อมูลไปใช้เพื่อการตรวจรักษาได้อีก เว้นแต่กรณีไม่ทราบชื่อ

2.14 กรณีผู้ป่วยนัดหมายระบบสามารถพิมพ์รายชื่อและส่งตรวจผู้ป่วยล่วงหน้าก่อนวันที่จะมาทำการรักษาได้

2.15 สามารถพิมพ์รายชื่อผู้ป่วยนัด ตามชื่อแพทย์ วันที่นัดได้

3. การยืม-คืนแฟ้มเวชระเบียน
3.1 ระบบสามารถจัดเก็บข้อมูลการยืม บัตรตรวจโรค (OPD Card) ประกอบด้วย HN, วันที่ยืมและเวลาที่ยืม, ชื่อ-นามสกุลผู้ยืม, หน่วยงาน, หมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้, รหัสผู้บันทึกการยืม เป็นต้น

3.2 สามารถบันทึกข้อมูลการยืมแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วยได้ และมีระบบติดตามแฟ้มเวชระเบียนผู้ป่วย ว่าขณะนั้นอยู่ที่หน่วยงานใด โดยค้นหาจากเลขที่ผู้ป่วย หรือชื่อผู้ป่วยก็ได้ เมื่อมีการคืนแฟ้มเวชระเบียน สามารถบันทึกเมื่อผู้ยืมนำส่งคืนและปรับสถานะแฟ้มโดยอัตโนมัติ


3.3 เมื่อมีการคืนแฟ้มเวชระเบียน สามารถบันทึกผู้ยืมนำส่งคืนและปรับสถานะแฟ้มโดยอัตโนมัติ

3.4 สามารถแสดงข้อมูลและพิมพ์รายงานแฟ้มเวชระเบียนที่ค้างรับได้

4. การพิมพ์
4.1 การลงทะเบียน
4.1.1 สามารถพิมพ์บัตรประจำตัวผู้ป่วยได้
4.1.2 สามารถพิมพ์ใบ ร.บ.1.ต.02 ได้

4.1.3 สามารถพิมพ์ใบแทนแฟ้มเวชระเบียนได้

4.2 การบันทึกการส่งตรวจ
4.2.1 สามารถพิมพ์ใบสั่งยาได้
4.2.2 สามารถพิมพ์บัตรคิวได้
4.2.3 สามารถพิมพ์ใบยืมแฟ้มเวชระเบียนได้
