เขียนหัวกระทู้ให้ดูแรงๆ ไปอย่างงั้นแหละฮะ
แค่โมโหนิดหน่อย ไม่รู้จะไปลงที่ไหนดี
คืออยากถาม IT ที่โรงพยาบาลอื่นหน่อยฮะว่า วันๆนึงทำอะไรบ้างฮะ
คือ IT ที่นี่ คนอื่นเค้ามองว่าทำได้สารพัดในโลกที่เกี่ยวกับคอม
ซ่อมคอมยันเขียนเว็ปไรงี้ เคยบอกให้เขียนระบบจองห้องประชุม จองรถด้วยละ
ทั้งโรงพยาบาลมีไอทีคนเดียวซะด้วย แฮ่ๆ เพิ่งจบมาด้วย ไม่เคยทำงานที่อื่นด้วย แฮ่ๆ
ปล.สุดท้ายก็ทำให้เค้าไม่ได้อะ ทำได้แค่เว็ปกากๆ เพราะเราคงฝีมือกากจริงๆแหละ
ดึงรายงานบ้างเป็นบางครั้ง ช่วงนี้เยอะหน่อย เพราะเค้าจะมาประเมินแล้ว
อะไรอีกละ อ้อ ลง linux ทำ server สำรองแล้ว ทำตามจากในนี้แหละฮะ ติดตรงไหนก็ google
แต่ประเด็นคือ มีคนพูดว่า IT ไม่เห็นทำอะไรเลย นั่งเล่นคอมไปวันๆ T___T
ทั้งๆที่เค้าก็ไม่เคยมาดูว่าวันๆนึงเราทำอะไรบ้าง เฮ้อออออ บางทีก็ท้อนะ
เรามันประเภท ทำดีเสมอตัว แต่ถ้าพลาดแล้วเค้าคงเหยียบเราจมดินแน่ๆ
ผมคิดว่าปัญหานี้น่าจะอยู่ที่แผนก IT ไม่ได้กำหนด KPI ของแผนกเอาไว้ให้ชัดเจนนะครับ ลองคุยกับหน้าฝ่ายดูครับว่าจะกำหนด KPI ของฝ่ายว่าอย่างไรจึงจะทำให้หน่วยงานอื่นเห็นว่าเราทำงานมีผลงานและมีภาระงานชัดเจนนะครับ
สุดท้ายอยากให้ยึดคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ (คัดลอกมาจาก Internet ครับ)
ถูกนินทาว่าร้าย คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ 1. เป็นธรรมดาของโลก ให้คิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ไม่เคยมีใครสักคนบนโลกนี้ที่รอดพ้นจากคำนินทา เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา ขนาดท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐบริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านก็ยังไม่พ้นถูกคนพาลกล่าวโจมตีว่าร้ายจนได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ยังมีทั้งดีและชั่วจะรอดพ้นปากคนนินทาไปได้ คิดอย่างนี้แล้วจะได้สบายใจว่า การถูกนินทานี่เป็นแค่เรื่องธรรมดา เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก (โลกธรรม) และ ยังคงมีอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย
2. ให้มีจิตใจมั่นคงดุจภูผา ถ้าเรามีความบริสุทธิ์ใจ ทำการงานด้วยความตั้งใจปรารถนาดี แต่แล้วก็ยังไม่พ้นถูกคนนินทา กล่าวร้ายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขอให้เรามีความมั่นใจในความดีของเรา อุปมาภูผาหินแท่งตันไม่หวั่นไหวในลมพายุฉันใด บัณฑิตผู้มีจิตใจหนักแน่นในความดี ย่อมไม่หวั่นไหวในคำสรรเสริญ และ คำนินทาแม้ฉันนั้น
3. ให้มีจิตเมตตาสงสารผู้นินทา ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาว่า คนที่นินทาเรานั้น ย่อมกระทำไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาจะต้องเผาลนจิตใจของเขาให้ร้อนรุ่มเสียก่อน จึงจะสามารถพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นออกมาได้ ให้คิดเมตตาสงสาร แทนที่จะไปโกรธเคืองเขา
อนึ่ง คนที่ชอบกล่าววาจาส่อเสียด หรือ ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยปรกติเขาย่อมเป็นผู้หามิตรสหายที่ใกล้ชิดไม่ค่อยได้ เพราะไม่เคยมีใครไว้วางใจคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ให้คิดเห็นใจเขาในฐานะที่เขาต้องเป็นผู้อยู่ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเขาย่อมหาเพื่อนแท้ไม่ได้
4. คิดหาประโยชน์จากคำนินทา คนที่คิดกล่าวร้ายเรา บางทีเขาต้องไปนั่งคิดนอนคิดหาจุดอ่อนในตัวของเรา เพื่อเอามาพูดโจมตี บางทีจุดอ่อนเหล่านี้ตัวเราเองก็มีอยู่จริงแต่ทว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อน นี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะขอบคุณคนนินทาเรา เพราะเขาอุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดช่วยค้นหาข้อมูลมาช่วยให้เราปรับปรุงตนเอง
5. คิดวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาสังคม สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือเน้นเรื่องการใช้อำนาจครอบงำกันและกัน จึงมีการปลูกฝังสอนให้คิดแข่งดีแข่งเด่น คิดเหนือผู้อื่น สอนให้อยากเป็นใหญ่เป็นโต (มานะ) มาตั้งแต่โบราณ (คาดว่าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปี คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น) ทำให้คนไทยเรา เวลาเห็นใครทำดี ก็มักจะเกิดความริษยาโดยไม่รู้ตัว คือทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าตน สังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่งเช่นนี้ ผู้คนจึงมักจะชอบนินทาว่าร้ายกันและกันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคิดวิเคราะห์ได้เช่นนี้แล้วก็สบายใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก ให้ถือว่าการที่เราถูกนินทานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางสังคมก็แล้วกัน มันเป็นเช่นนั้นเอง