ผ่านปี 2010 มาครึ่งปีแล้ว คงมาช้าที่จะเอามาเล่านะครับ อย่างน้อยจะได้เห็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่มาแล้วหรือกำลัง คือ เมื่อปลายปีที่แล้ว Gartner ก็ได้ประกาศ 10 เทคโนโลยีที่จะร้อนแรงเป็นกระแสของปีนี้ ปี 2010 ซึ่งเมื่อเดือนก่อนผมพูดไปอยู่หนึ่งตัวคือ Business Intelligence Tools หรือ BI Tools ซึงก็เป็นอีกกระแสที่เริ่มเป็นที่ยอมรับในองค์กรมากขึ้น จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ MS ทั้ง SQL Server 2008R2 และ Microsoft Office 2010 จะชูจุดเด่นเรื่องของ BI Tools มาก เมื่อพิจารณา Microsoft Office 2010 แล้ว จุดเด่นหรือจุดขายของเวอร์ชั่นนี้ คือ advance pivottable ซึ่งมีอยู่ใน excel 2010 และจุดขายอีกจุดหนึ่งคือ Office Live 1.4 ตอนนี้ก็ออก 1.5 ออกมาแล้วซึ่งเจ้า Office Live นี้ก็เป็นอีกกระแสหนึ่ง คือ เรื่องของ Cloud Computing ที่มาในรูปแบบของ SAAS นอกนั้น office 2010 ก็ไม่มีอะไรใหม่หรือเด่นไปกว่า 2007 เลยในมุมมองของผมนะครับ โอเคเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
1. Cloud Computing คงไม่ต้องอธิบายกันมากเกี่ยวกับความหมายของ Cloud Computing นะครับ แต่ผมจะขอยกตัวอย่าง Cloud Computing ที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเราเลย ก็คือ Google, MSN เหล่านี้ล้วนแต่เป็น SAAS ซึ่งให้บริการในรูปแบบของ Cloud Computing ทำให้เราสามารถใช้บริการต่าง ๆ เช่น Google Map, Google Translate, Google Search, GMail ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในขณะเดียวกัน เรายังสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อเชื่อมต่อบริการเหล่านี้ได้ นอกจากพวกบริการที่ฟรี (จริงหรือเปล่า) แล้ว ยังมีบริการแบบเสียเงิน เช่น บริการเซิร์ฟเวอร์ email ให้องค์กร โดยที่องค์กรไม่จำเป็นต้องลงทุนวาง mail server ไว้ที่ตัวเองเลยเป็นต้น และนอกจากจะพูดเรื่องของบริการซอฟท์แวร์แล้ว บริการฮาร์ดแวร์ก็มีเหมือนกันครับ เช่น การบริการเซิร์ฟเวอร์สำหรับการประมวลผล ซึ่งในปัจจุบันการให้บริการในลักษณะ Grip Computing เริ่มมีมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องมี server เป็นจำนวนมาก เราอาจติดตั้งระบบเซิร์ฟเวอร์ให้พอใช้ แล้วหันไปใช้บริการเช่าบนเครือข่ายในเฉพาะช่วงเวลาที่เกิดความต้องการสูง ๆ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Cloud Computing ทั้งนั้น
2.Advance Analytic ในอดีตการวิเคราะห์ข้อมูลมักจะเป็นทำแบบสองมิติ แต่ในปัจจุบันด้วยเครื่องมือที่เราเรียกว่า Business Intelligence Tools (BI Tools) ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลมองได้หลายมิติมากยิ่งขึ้น บางเจ้ายังเคลมว่าผลิตภัณฑ์ของตนเองทำให้ผู้ใช้สามารถผูกแหล่งข้อมูลได้มากกว่าหนึ่ง และสามารถสร้างการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ scenario ได้ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ครับ มีใครเคยคิดจะจับ Google Map ,ข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในกลุ่มโรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป ในเขตและนอกเขตพื้นที่ให้บริการของโรงพยาบาลมาทำการวิเคราะห์และหารูปแบบการกระจายของโรคบ้าง ... นี้แหละครับ คือสิ่งที่หลาย ๆ องค์กรในปัจจุบันเริ่มทำมากขึ้น มันทำให้เรารู้ว่าองค์กรของเราจะมีทิศทางการดำเนินการไปทางไหนได้ชัดเจนมากขึ้น .... ใครที่ดู BI Tools ที่มาพร้อมกับ excel 2010 จะไม่สามารถทำลักษณะที่เป็น scenario ที่ซับซ้อนไม่ได้นะครับ ถ้าใครอยากทำจริง ๆ อาจต้องเสียเงินไปซื้อพวก IBM Cognos, Oracle Hyperion เป็นต้นครับ
3. Client Computing คำ ๆ มันเป็นนามธรรมนะครับ ... จริง ๆ มันเป็นแนวคิดของการจัดการ client ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรต่าง ๆ เริ่มคำนึงถึงในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวาง roadmap ขององค์กรตัวเอง
4. IT for Green อันนี้ไม่ต้องขยายความกันมากเลยครับ ... เพือโลกของเรา เทคโนโลยีปัจจุบันจำเป็นต้องมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้พลังงานประหยัดมากขึ้น, ใช้อุปกรณ์ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้มาขึ้น หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้น หรือการลดการใช้อุปกรณ์ที่สลับซับซ้อนมากขึ้น จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็พยายามจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้นครับ เช่น อีกหน่อยเราคงมอง server แบบ blade มากขึ้น หรือก่อนตัดสินใจจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ คงมีการตรวจสอบมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น RoSH เป็นต้น
5.Data Center ที่ทันสมัยและฉลาดขึ้น สมัยก่อนเวลาพูดถึงห้องเซิร์ฟเวอร์เรามักไม่ค่อยให้ความสำคัญมากเท่า ดังนั้นการออกแบบและติดตั้งห้องเซิร์ฟเวอร์หรือห้องดาต้นเซ็นเตอร์จึงเป็นแบบง่าย ๆ แต่ในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น เพราะทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าห้องดาต้าเซ็นเตอร์ของทุกองค์กร กลายเป็นห้องที่สำคัญ และเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมขององค์กรนั้น ดั่งจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีของห้องเซิร์ฟเวอร์หรือห้องดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ ๆ ออกมาเยอะครับ เช่นระบบทำความเย็นซึ่งติดตั้งภายในตู้แร็ค, หรือระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ลองสำรวจดูที่รพ.ของเราซิครับว่า เราให้ความสำคัญของห้องนี้มากแค่ไหน
6.Social Computing พูดถึงคำนี้หลายคนอาจงงนะครับ แต่ถ้าพูดว่า Social Networking หรือ Social Web คงพอจะร้องอ๋อนะครับ .. หรือถ้ายังถึงบางอ้อ ก็ขอให้นึกถึง Hi5, Facebook, Twitter ครับ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Social Computing อื่น ๆ ก็ให้นึกถึงบริการ messaging ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น MSN, GoogleTalk, BB, OviMessaging อะไรพวกนี้ครับ ... วันนี้ผมได้มีโอกาสคุยกับ presale ของ IBM ผมก็ยกกรณีศึกษาว่าทุกวันนี้เทคโนโลยี Social Computing เข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามาก ๆๆๆ จนผมมองว่ามันเริ่มจะมากเกินไปแล้วครับ presale ของ IBM คนนี้ก็พูดว่า เพราะเทคโนโลยี social computing มันเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นของมนุษย์ และมันก็ทำให้มนุษย์ยกระดับความอีเดียตของตัวเองเข้าสู่ระดับ 3 ฟังแล้วก็ขำดีนะครับ แกก็บอกว่าระดับที่ 1 คือ pager สมัยก่อน แกเรียกว่าเครื่องเรียกทาส ฟังแล้วก็ขำดีครับ เพราะมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องรีบวิ่งหาโทรศัพท์เมื่อเห็นเจ้า pager ดัง ต่อมาระดับที่ 2 คือ โทรศัพท์มือถือ ... สิ่งที่ได้เห็นคือ นึกอะไรไม่ออกก็โทรศัพท์ .. และปัจจุบันระดับที่ 3 จะขี้จะเยี่ยวก็ต้องโพสลงไปใน Facebook เพราะเดียวจะดูไม่มีกิจกรรม หรือวัยรุ่นในบางประเทศ (หรือแม้แต่ในบ้านเราเอง) นั่งอยู่ต่อหน้ากันกลับไม่คุยกัน แต่อาศัยคุยกันผ่านระบบ Chat ผมเองก็มองว่า Social Computing มันทำให้เราหมดสิ้นความเป็นส่วนบุคคลจริง ๆ และก็มีการทำนายว่าในอนาคตระบบ Social Computing จะเข้ามาแทนที่อีเมล์ .. คนจะส่งข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบนี้มากขึ้นแทนที่จะส่งผ่านอี่เมล์ ซึ่งมันก็จริงนะครับ จะเห็นได้ว่าทิศทางของ MS, IBM เริ่มจะลดการพัฒนาระบบอีเมล์ แต่ไปให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารแบบอื่นที่เป็นเรื่องของการ collaborate มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าตอนนี้ MS เองก็หันมาให้ความสำคัญกับ Sharepoint มากยิ่งขึ้น
7.Flash Memory สื่อบันทึกแห่งอนาคตครับ ทำงานเร็วกว่า, เงียบกว่า, กินไฟน้อยกว่า, และเสียยากกว่า เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ จึงไม่ต้องแปลกใจครับหาก NB ในอีกสักสองสามปีขัางหน้าจะใช้ SSD แทน HD ครับ
8.Virutallization for Availability ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณครับ .. รู้จักกันดี
9.Mobile Application ก็คงปฏิเสธไม่ได้ครับ มาปีสองปีให้หลังนี้โทรศัพท์มือถือจำพวก smartphone เข้ามามีบทบาทมาก และสิ่งที่สำคัญคือ Application ที่อยู่ในโทรศัพท์เหล่านั้นที่นับวันก็ยิ่งทวีทั้งจำนวน, ความสามารถและความสำคัญมากยิ่งขึ้น
10.Security and Monitoring ก็ด้วยความต้องการท้าทายของมนุษย์อีกแหละครับที่อยากลองของ และในปัจจุบันข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญ ระบบรักษาความปลอดภัยจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน และอีกเหตุผลหนึ่ง เมื่อการสร้างเครือข่ายในปัจจุบันมันไม่มีขอบเขต คือโลกกลายเป็นโลกาภิวัฒน์มากเท่าไร เราก็ยิ่งสามารถที่จะแฮคระบบของคนอื่นได้มากขึ้นเท่านั้น นั้นเป็นเหตุผลที่ระบบรักษาความปลอดภัยก็จะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในอนาคต
และนี้คือ 10 กระแสเทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2010 และจะยังคงแรงต่อไปเรื่อย ๆ ในปีถัด ๆ ไป เราในฐานะที่เป็นคนไอที ต้องรู้จักและเรียนรู้เอาไว้ครับ เพราะเป็นสิ่งที่พวกเราไม่สามารถปฏิเสธได้ ถ้าตราบยังอยากอยู่ในวงการนี้อยู่
ปล.ได้ข่าวว่าอนาคต MySQL จะไม่ฟรีแล้ว จริงหรือเปล่ามีใครช่วยตอบได้บ้างครับ .. แต่พอเชื่อได้นะครับเพราะตอนนี้ MySQL ไปอยู่ในมือ Oracle แล้ว และปกติ Oracle ก็ไม่เคยทำอะไรฟรีอยู่ ...
ตีสองกว่าแล้วครับ ไปนอนแล้วดีกว่า