แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - กรรมกรไอที

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 12
101
ลองดูตัวล่าสุดที่ผมพึ่งถอยมาเป็นตัวอย่างแล้วกันนะครับ งบ 35000 บวกลบ ครับ
Latitude E5420
- Intel Core i5 2520M 2.5GHz
- Ram DDR3 4GB
- HD 500GB 7200rpm
- Wifi Intel Wireless Ultimate N 6300 2x2
- Bluetooth 3.0
- WebCam 2 MP
- Windows 7 Pro 32bit
- Warranty 5/5/5 Onsite Service

102
ถ้าจะเลือก Dell แนะนำอย่าเลือก Inspiron ครับ เพราะอายุไม่น่ายืน อย่างน้อยก็ควรจะเป็น Vostro หรือถ้าเอาให้ดีไปเลยควรจะเลือก Latitude ไปเลยครับ เพื่ออายุที่ยืนยาว

103
นอกเรื่อง / Re: เหตุผลที่คุณจะรักเขา ??
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2012, 23:51:04 PM »
มาอ่านประสบการณ์ของหลาย ๆ ท่าน ผมว่ามันก็นานาจิตตังนะครับ เหมือนซื้อ iphone กะ galaxy s2 ผมว่าสุดท้ายก็ทำอะไรต่อมิอะไรได้คลาย ๆ กัน เพียงแต่หน้าตา, ราคา, เงื่อนไขต่าง ๆ ในการใช้งานที่แตกต่างกัน ใครที่ชอบพิมพ์นิยม ไม่สนใจคำว่า proprietary ก็ใช้ iphone คงไม่ติดใจอะไรมาก แต่ใครที่ชอบอิสระในการเชื่อมต่อ คงจะอึดอัดกับการใช้ iphone อาจจะเลือก galaxy s2 มากกว่า

104
นอกเรื่อง / Re: ทำ Files Server ใช้ Spec ไหนดีครับ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 22:31:08 PM »
ถามโจทย์ก่อนนะครับ
- ต้องการพื้นที่เท่าไร และคาดว่าภายใน 3 ปีจะมีการใช้พื้นที่เท่าไร
- มีคนใช้กี่คน , ใช้เก็บอะไร
ถ้าคำตอบคือ ต้องการพื้นที่สัก 2 - 3 TB, คนใช้มีไม่เยอะไม่ถึง 50 คน ลองดูพวก Storage Appliance ดีกว่าไหมครับ ผมซื้อตัวนี้มาใช้ที่ทำงาน http://www.dlink.co.th/products/?idproduct=311&idCategory=255 ใส่ HD 1TB เข้าไป 4 ลูกทำ RAID5 ใช้งานภายในหน่วยงาน เสถียร นิ่ง ความเร็วพอใช้ได้ ไม่จุกจิกเรื่องมาก ที่สำคัญถูก ตัวหนึ่งไม่ถึงหมื่นครับ ลองพิจารณาดูนะคับ

105
นอกเรื่อง / Re: windows เถื่อน
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 22:22:09 PM »
ผมซื้อแบบ OEM License ซึ่งมาพร้อมกับเครื่อง เวลาลงเซ็ตไม่ต้อง Activate ให้วุ่นวาย ซึ่งราคาก็พอ ๆ กับซื้อแบบ Volume License แต่การจะซื้อ VOL จะต้องมีปริมาณสมชื่อครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าซื้อขั้นต่ำเท่าไร
ถามว่าจำเป็นต้องของแท้ไหม จากประสบการณ์บอกได้เลยว่าไม่ ผมยังไม่เคยเจอว่าเป็น win ปลอดแล้วโปรแกรมไม่ได้ มีแต่ใช้แล้วเสถียรหรือเปล่า แต่ถ้าสามารถก็ซื้อของแท้ไปเถอะครับ ถึงกระนั่น เสถียรภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับแท้หรือปลอมเพียงอย่างเดียว ถ้าใช้ของปลอมแต่เป็นตัวเดิม ๆ ที่ไม่ใช่แบบ rebuild ก็น่าจะโอเค, ประเด็นต่อมาคือเรื่องการอัพเดท patch ต่าง ๆ อันนี้สำคัญครับ ถ้าเราซื้อของแท้ก็อัพเดทแบบสบายใจ แต่ถ้าใช้ของก๊อปก็ต้องระวังหน่อย แต่ทำระดับองค์กรลองดูเรื่อง patch deploy service ถ้าของ ms เรียกว่า wsus ก็น่าจะช่วยลดการตรวจสอบของ ms ได้ ที่บอกว่าสำคัญเพราะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของโปรแรม และช่วยลดปัญหาพวก malware ด้วย ลองดูแล้วกันนะครับ

106
นอกเรื่อง / เหตุผลที่คุณจะรักเขา ??
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2012, 23:51:40 PM »
ไม่มีเรื่องคุยมานาน วันนี้มาแบบจั่วหัวกระทู้เแบบดูแล้วให้งงนิด ๆ ตอนรับวันวาเลนไทน์   ;D ;D เพียงแต่อยากฟังประสบการณ์สมาชิกแต่ละรพ. ถึงผลิตภัณฑ์ในดวงใจ และเหตุผลอะไรที่คุณรักพวกเขา ส่วนตัวผม
- server ผมเลือก ibm เพราะจากประสบการณ์แล้ว เธอคือ ศรีทนได้จริง ๆ ทำงานแบบทั้งอึดทั้งทึก หาใครเทียบเธอไม่มีอีกแล้ว
- pc ผมเลือก dell เพราะเธอเอาใจแบบสุดโค่ย ตามบริการถึงที่ มาถึงไม่มีการต่อรอง ถ้าเปิดเครื่องแล้วใช้ไม่ได้ จับเปลี่ยนอย่างเดียว เคยเอา notebook ไปเสียที่เชียงใหม่ ทีมเซอร์วิสก็ตามไปซ่อมให้ถึงเชียงใหม่ (นี่ก็พึ่งถอย latitude มาตัวหนึ่ง เลยจัดประกันไป 5 ปีเลยครับ กะว่าถ้าหมดประกันแล้วพังก็ทิ้งไม่ต้องซ่อม)
- network ผมเลือก cisco เหตุผลเดียวกับ ibm คือความทึก เคยทดสอบด้วยการเอาไปติดตั้งในช่องชาร์ปของตึก ปรากฎว่า คุณน้องก็ยังคงทำงานได้อย่างไม่อาทรร้อนใจ ไม่มีแฮงค์ ไม่มีบ่น ... เสียอย่างเดียว ค่าสินสอดกับค่าเลี้ยงดูของคุณน้องเนี้ยะ ไม่รู้จะแพงไปไหน สู่ขอที น้ำตา(ผอ.)แทบเล็ด  ;D
- printer เริ่มต้นจาก HP (เพราะไม่รู้จะซื้อยี่ห้ออะไร) ตอนนี้ก็หันมาคบหาดูใจกับ samsung เป็นหลัก เพราะ ถูก (เครื่องก็ถูก, หมึกก็ถูก) , คุ้มค่า, บริการซ่อมถึงที่ แถมเซลล์น่ารักมาก ๆ (อุ๊ย!!! ไม่ค่อยจะเกี่ยวกันเลยนะเนี้ยะ) ใครสนใจเซลล์ เอย!! สนใจเครื่องพิมพ์บอกมาแล้วกันครับ จะแนะนำให้  ;D ;D
- Antivirus ผมรัก Kaspersky มั่กๆ เพราะน้องคนนี้ดุมาก กัดไม่เลือก กัดแบบไม่ไว้หน้าใคร แต่ข้อเสียตรงที่เอาใจยาก น้องเขาจะไม่ค่อยยอมสักเท่าไร ประมาณว่าสั่งน้องเขายาก พี่อยู่เฉย ๆ เดี่ยวน้องจัดการเองทุกอย่างว่างั้น แต่ตอนนี้เริ่มปันใจไปให้ Sophos กะว่าจะเรียนแบบท่านเทพพี่อ๊อดกะท่านเทพพี่โชค เผื่อจะได้เป็นเทพกับเขาบ้าง  ;D ;D เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ให้เขามานำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ฟัง แล้วขอยืมมาทดลองใช้สักสามเดือน จะรอดูผลว่าเป็นอย่างไร
   สุดท้ายจะนั่งตั้งหน้ารอฟังพี่ป้าน้าอาทุก ๆ คนมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ ขอบคุณครับ

107
แวะเข้ามาช่วยตอบนะครับ แต่ขอโทษคือ บน Delphi ผมไม่รู้ แต่บน VS หลักการที่ผมทำ คือ run service timer ตัวหนึ่ง และ Add handle Control ต่าง ๆ ใน form ของเราโดยใช้ delegate ครับ ทุกครั้งที่มีการ key down หรือเหตุการณ์ใด ๆ เราก็ให้ตัว timer มัน reset เวลาใหม่ครับ พอจะได้เป็นไอเดียลองไปประยุกต์ดูนะครับ  :)

108
นอกเรื่อง / คนที่อยากได้ Tablet เวอร์ชั่น Windows
« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 00:33:19 AM »
Dell เปิดตัว Dell Latitude ST Tablet อย่างเป็นทางการในไทยแล้วครับ ความโดดเด่นของ Tablet ของตัวนี้ คือ ใช้ระบบปฏิบัติการ windows 7

http://www.dell.com/th/enterprise/p/latitude-st/pd?~ck=anav&dgc=IR&lid=7CC09FA1&cid=&ref=gzilla

เท่าที่ได้ลองจับ ๆ สิ่งที่สะดุดอย่างแรก คือ เป็น Tablet ที่เรียกว่าสวนกระแสจริง ๆ ครับ เพราะถ้าพูดถึงตลาด Tablet ชม.นี้ ถ้าไม่ iOS ก็ต้องเป็น Android แต่ Dell กลับเลือกใช้ Windows เพราะเชื่อว่า ยังมีองค์กรอีกจำนวนมาก ที่ต้องการ Tablet ไปใช้งานในองค์กร เพื่อรัน application ขององค์กร ซึ่งแน่นอนครับ เกือบทั้งหมดอยู่บนแพลตฟอร์ม Windows หน่วยประมวลผลคือ Intel Atom Z670 ( http://ark.intel.com/products/55663 ) , RAM ขนาด 2GB, SSD ขนาด 128GB, Wireless Lan 802.11 a/b/g/n 1x1, Bluetooth 4.0 LE ดูจากสเปกแล้วก็เรียกได้ว่าแรงพอตัว Tablet ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานในองค์กรจริง ๆ จึงออกแบบให้เน้นความทนทาน ตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมน้ำหนักเบา, จอภาพขนาด 10.1 นิ้ว, มีช่องเชื่อมต่อประเภทต่าง ๆ ทั้ง USB 2.0, HDMI, SD Card Reader ส่วนเรื่องของน้ำหนัก อยู่ที่ประมาณ 800 กรัม ซึ่งอาจจะดูมากเมื่อเทียบกับ IPad/Galaxy Tab แต่เทียบกับ Acer หรือ Motorola ซึ่งมีช่องเชื่อมต่อพอ ๆ กันแล้ว ก็ไม่แตกต่างกันมาก ข้อเสียของ Tablet รุ่นนี้ที่ต้องเรียกว่าเป็นข้อเสียเลย คือ อายุของแบตเตอรี่ที่ค่อนข้างหมดเร็ว จากที่ได้ทดลองใช้อย่างต่อเนื่องซึ่งเปิด WiFi และนั่งเปิดเน็ต จะอยู่ได้ประมาณสามชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้นเอง, ส่วนเรื่องความร้อน ก็ถือว่าพอมีให้รู้สึกอุ่น ๆ แต่ไม่ถึงกับร้อน ส่วนราคานั่น เริ่มต้นที่ 22,900 บาท
ดู ๆ แล้วอาจไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับ IPad หรือ Galaxy Tab หากจะซื้อมาใช้ส่วนตัว แต่ถ้าคิดว่าจะซื้อมาใช้ในองค์กร ผมว่าก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะครับ เพราะ application หลาย ๆ ตัวที่เราใช้ในโรงพยาบาล (รวมถึง Hosxp) ก็ใช้งานบน Windows ซึ่งถ้ามองในแง่ดี เจ้า Latitude ST ก็ทำให้ฝันของเราเป็นจริง ในการหา Tablet มาใช้งานในโรงพยาบาล ... เดี่ยวรอทดสอบใช้งานจริงจังมากกว่านี้ จะเอามาเล่าให้ฟังใหม่ครับ 

109
อีกสี่เดือนมาดูที่พระนั่งเกล้าครับ  ;D ตอนนี้กำลังเริ่มการติดตั้ง ตามแผนงานจะมี AP ติดตั้งในหอผู้ป่วย, ห้องประชุมเจษฎาบดินทร์, โถง OPD ชั้น 1 & 2 ซึ่งจะเปิดใช้มากกว่า 2 SSID คือ SSID รองรับการใช้งานระบบ HIS, SSID รองรับการให้บริการ Internet แก่จนท.ของโรงพยาบาล ซึ่งก็คิดว่าอาจจะเปิดอีก 1 SSID รองรับการให้บริการ Internet แก่ผู้ป่วย (คิดเอาไว้นะ แต่ต้องคุยกับผอ.ก่อน  ;D)

110
นอกเรื่อง / Data Access Components for MySQL
« เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2011, 00:21:45 AM »
Data Access Components for MySQL (MyDAC) is a library of components that provides direct access to MySQL database servers from Delphi, Delphi for .NET, C++Builder, and Lazarus (Free Pascal). MyDAC can connect directly to MySQL server or work through the MySQL client library. The MyDAC library is designed to help programmers develop faster and cleaner MySQL database applications.

MyDAC is a complete replacement for standard MySQL connectivity solutions and presents an efficient alternative to the Borland Database Engine for access to MySQL.


--------------------------------------------------------------------------------


Advantages of MyDAC Technology

 MyDAC is a direct connectivity database wrapper built specifically for the MySQL server. MyDAC offers wide coverage of the MySQL feature set, supports both client and direct connection modes, and emphasizes optimized data access strategies.

Wide Coverage of MySQL Features

 By providing access to the most advanced database functionality, MyDAC allows developers to harness the full capabilities of the MySQL server and optimize their database applications. MyDAC features complete support of row-level locking, HANDLER statements, and MySQL administration tasks.

Native Connection Options

 MyDAC offers two connection modes to MySQL: direct connection over the network in Direct mode and connection through the standard MySQL Client in Client mode. MyDAC-based database applications are easy to deploy, do not require installation of other data provider layers (such as BDE), and tend to be faster than those that use standard data connectivity solutions.

Optimized Code

 The goal of MyDAC is to enable developers to write efficient and flexible database applications. The MyDAC library is implemented using advanced data access algorithms and optimization techniques. Classes and components undergo comprehensive performance tests and are designed to help you write high-performance, lightweight data access layers.

Compatibility with Standard Data Access Components

 The MyDAC interface retains compatibility with standard VCL data access components, like BDE. Existing BDE-based applications can be easily migrated to MyDAC and enhanced to take advantage of MySQL-specific features. Project migration can be automated with the BDE Migration Wizard.


--------------------------------------------------------------------------------


How Does MyDAC Work?

 MyDAC allows you to connect to MySQL in two ways: in Direct mode or in Client mode.

In Direct mode, MyDAC connects to MySQL directly without using MySQL client software. In Client mode, MyDAC connects to MySQL through the MySQL client library. The MySQL client library is supplied with the MySQL server.

In comparison, the Borland Database Engine (BDE) uses several layers to access MySQL, and requires additional data access software to be installed on client machines.

The BDE data transfer protocol is shown below.



BDE Connection Protocol

Using MyDAC in Client mode allows your application to avoid using BDE and ODBC.



MyDAC Connection Flow [Client Mode]

Using MyDAC in Direct mode provides the optimal transfer route.



MyDAC Connection Flow [Direct Mode]


--------------------------------------------------------------------------------


Key Features

The following list describes the main features of Data Access Components for MySQL.
Direct access to server data without using client library. Does not require installation of other data provider layers (such as BDE and ODBC)
VCL, VCL.NET, and CLX versions of library available
Full support of the latest versions of MySQL Server
Support for all MySQL Server data types
Disconnected Model with automatic connection control for working with data offline
Local Failover for detecting connection loss and implicitly reexecuting certain operations
All types of local sorting and filtering, including by calculated and lookup fields
Automatic data updating with TMyQuery, TMyTable, and TMyStoredProc components
Unicode and national charset support
Supports many MySQL-specific features, such as locking, SET and ENUM types
Advanced script execution functionality with the TMyScript component
Support for using macros in SQL
Integration with dbForge Fusion for MySQL Standard Edition for performing advanced database development and administration tasks
Easy migration from BDE with Migration Wizard
Lets you use Professional Edition of Delphi and C++Builder to develop client/server applications
Includes annual MyDAC Subscription with Priority Support
Licensed royalty-free per developer, per team, or per site


http://www.filesonic.com/file/2690950774/MYDAC.rar

111
ด้วยโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลคั​ดเลือกเพื่อจ้างเป็นลูกจ้างชั่ว​คราว ตำแหน่ง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ปฏิบัติงานในสำนักงานเทคโนโลยีส​ารสนเทศ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จำนวน ๒ อัตรา อัตราจ้าง ๘,๘๕๐ บาท , เงินประจำตำแหน่ง ๑,๒๐๐ บาท, ค่าเวรนอกเวลาประมาณ ๕,๐๐๐ บาท (หากได้พิจารณาให้ขึ้นเวร) ผู้สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดแ​ละสมัครด้วยตัวเองที่งานการเจ้า​หน้าที่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ คัดเลือก ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
คุณสมบัติ
- เพศหญิง อายุไม่เกิน ๓๐ ปี
- วุฒิปริญญาตรีด้านคอมพิวเตอร์
- มีความรู้ความสนใจในการเรียนรู้ด้านการพัฒนาแอพพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง
- มีความรู้และทักษะในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้วยเครื่องมือ Visual Studio ๒๐๑๐ (ไม่จำกัดภาษา)
- มีความรู้และทักษะในการเขียนชุดคำสั่ง SQL และการใช้งาน Microsoft Windows Server, Microsoft SQL Server
- มีมนุษยสัมพันธ์ดี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

113
นอกเรื่อง / อนาคตในมุมมองของ Microsoft
« เมื่อ: ตุลาคม 15, 2011, 17:41:21 PM »
อีกไม่นานเกินรอครับ (ถ้าไม่เกิดอะไรกับโลกเสียก่อน)   ;D

http://www.youtube.com/watch?v=5GL3hV6J0Pw

114
นอกเรื่อง / Re: รีวิว SSD OCZ Agility 3 ฉบับมินิ
« เมื่อ: กันยายน 19, 2011, 20:02:50 PM »
ตอบคุณ nahos ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวครับ แต่ปัญหามันคือ OCZ ที่ผมซื้อมาตัวแรก มันเป็น SATA เวอร์ชั่น 3 ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งถึง 6Gb/sec ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลอยู่ในระดับ 4 - 5 Gb/sec ในขณะที่เครื่องของผมมัน คือ SATA เวอร์ชั่น 2 ซึ่งรับส่งข้อมูลอยู่ที่ 3Gb/sec ซึ่งมันช้าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของตัว SSD จึงเกิดปัญหาคอขวด จึงเป็นที่มาของอาการ แฮงค์ ซึ่งทางบริษัทผู้นำเข้าก็ยอมรับว่าอาจเกิดขึ้น เขาจึงไม่แนะนำให้เอา Vertex 3 / Solid 3 / Agility 3 ไปใส่ในเครื่องรุ่นเก่า แม้จะทำงานได้แต่ก็ไม่เสถียร แต่ถ้าไปใส่เครื่องรุ่นใหม่ที่เป็น SATA 3 ไม่มีปัญหาครับ เร็วฉลุยมาก ผมลองทดสอบแล้ว เร็วมาก ๆ เร็วกว่าตอนอยู่บนเครื่องของผมซะอีก ผมจึงต้องหาทางออกโดยการเปลี่ยนมาหา SSD ที่ใช้ SATA เวอร์ชั่น 2 แทน ซึ่งก็โอเคครับ ไม่มีปัญหาอีกเลย แต่ความเร็วอาจสู้ไม่ได้ และข้อเสียของ SSD ของ Kingston ที่ซื้อมาอันนี้ สิ่งแรกที่เจอ คือ ความร้อนครับ รู้สึกได้เลยครับ เพราะตำแหน่งใส่ SSD อยู่ตรงตำแหน่งวางข้อมือ เมื่อเทียบกับตอนที่ใช้ HDD , OCZ, Kingston เจ้าตัว OCZ เย็นกว่าเห็น ๆ ครับ ใช้ต่อเนื่องหลาย ๆ ชม.ก็ไม่ร้อนครับ ส่วนเรื่องความเร็วเห็นชัดครับว่า OCZ เร็วกว่าเห็น ๆ (แต่ถึงจะช้ากว่า ก็ยังเร็วกว่าใช้ HDD หลายเท่าตัว)

115
นอกเรื่อง / Re: รีวิว SSD OCZ Agility 3 ฉบับมินิ
« เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 22:09:38 PM »
ตอบคุณ usa0823 ถ้าคิดว่าใส่ workstation คงไม่ช่วยให้เร็วขึ้นครับ แต่ถ้าคิดว่าใส่ server ก็ไม่แน่ แต่ก็ต้องดูขนาดความจุด้วยนะครับว่าจะพอใส่ไหม
ล่าสุด ผมตัดใจไปถอย Kingston SSDNow 100v ซึ่งเป็น SATA2 มาใส่แทน OCZ เนื่องจากทนปัญหาอาการแฮงค์ไม่ได้ ทำงานไปเดียวก็แฮงค์ เปิดไฟล์ใหญ่ก็แฮงค์ เลยตัดสินใจ ยอมเสียเงินอีกครั้ง เพราะพอใช้ SSD แล้วยอมรับครับว่าติดใจมาก จนไม่อยากใช้ HDD ก็เลยต้องขาย OCZ ต่อไปให้เพื่อน ขาดทุนไป 700 บาท แล้วไปถอย Kingston

116
พอดีรับน้องเข้ามาหนึ่งคนให้มาทำเว็บของรพ. ฝากประชาสัมพันธ์หน่อยนะครับ ฝากคำแนะนำด้วยนะครับ สามารถติดต่อเราได้ที่
www.pranangklao.go.th
www.facebook.com/pranangklao
www.twitter.com/pranangklao
www.youtube.com/pranangklao
ขอบคุณมากครับ

117
นอกเรื่อง / Re: รีวิว SSD OCZ Agility 3 ฉบับมินิ
« เมื่อ: กันยายน 12, 2011, 12:23:13 PM »
ตอบคุณ nahos ครับ ตามความเห็นของผม ยังไงก็เร็วอยู่แล้วครับ เรียกว่าเร็วหน้ามือกับหลังมือจริง ๆ ครับ ถ้าไม่ติดเรื่องงบ ผมเชียร์จริง ๆ ถ้าไม่มีความคิดจะซื้อ NB ใหม่เร็ว ๆ นี้ แนะนำให้ซื้อรุ่นที่เป็น SATA 2 ก็โอเคแล้วครับ แต่ถ้ามีแผนจะซื้อ NB ใหม่เร็ว ๆ นี้ หรือ NB ใช้ SATA 3 อยู่แล้ว จึงซื้อ SATA 3 

118
นอกเรื่อง / รีวิว SSD OCZ Agility 3 ฉบับมินิ
« เมื่อ: กันยายน 11, 2011, 23:49:13 PM »
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ไปถอย SSD มาหนึ่งชิ้น จะเอามาใส่ NB เครื่องเก่งของผม หลังจากเปรียบเทียบข้อมูลอยู่สักพักหนึ่ง จึงตัดสินใจซื้อ OCZ ด้วยที่ได้รับคำชมเรื่องเสถียรภาพและความแรงมาก แถมราคาที่ไม่บาดตาบาดใจเหมือนยี่ห้ออื่นมาก จึงไปถอย OCZ Agility 3 ขนาด 120GB มาด้วยค่าตัว 6500 บาท ... คำถามแรกที่ต้องทุกคนคงคิดว่าแพงไหม ถ้าเทียบกับ HD ก็คงถือว่าแพงมาก แต่ถ้าเทียบกับกลุ่ม SSD ด้วยกัน ก็อยู่ในระดับกลาง ๆ
สเปกคราว ๆ ของ SSD ตัวนี้
- เป็นหน่วยความจำชนิด MLC NAND Flash (เวลาซื้อ SSD ดูชนิดหน่วยความจำให้ดีนะครับมี 2 ชนิดมี SLC; Single Level Cell กับ MLC; Multi Level Cell ความแตกต่างไปหาอ่านดูนะครับ จำได้ว่า SLC จะเสถียรกว่า, และ error น้อยกว่า MLC เขาจะเอาใส่ใน server แต่ MLC เขาจะใส่ใน workstation และราคาของ SLC จะแพงกว่า MLC ประมาณ 2 - 3 เท่า)
- ขนาดความจุ 120GB (มีรุ่น 60GB ด้วยครับ ราคาประมาณ 4,xxx)
- Interface SATA 3 (6Gb/sec สามารถใช้งานร่วมกับ SATA 2; 3Gb/sec)
- ความเร็วในการอ่านสูงสุด 525MB/sec หรือประมาณ 4.2 Gb/sec
- ความเร็วในการเขียนสูงสุด 500MB/sec หรือประมาณ 4.0 Gb/sec
- ค่า IOPs สูงสุด (ที่ 4KB) 80,000 IOPs
ผมขอพูดในแง่บวกก่อนนะครับ เหตุผลที่เราจะซื้อ SSD ถ้าไม่นับว่าอยาก intrend ก็คงมีอย่างเดียวครับ คือ ความเร็ว! และ SSD ตัวนี้ก็ตอบโจทย์แบบได้ใจจริง ๆ ครับ ทดสอบความเร็วในการอ่านเขียนไฟล์ด้วยโปรแกรมทดสอบ (NB ของผมสเปกคราว ๆ คือ C2D 1.8GHz, RAM 4GB, i945, SATA2 3Gb/sec)
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านที่ทดสอบด้วยไฟล์ขนาด 8MB ประมาณ 2.8Gb/sec > ได้ไม่เต็มที่ตามสเปกเพราะติดที่ Interface ที่เป็น SATA2
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านที่ทดสอบด้วยไฟล์ขนาด 256MB ประมาณ 2.7Gb/sec
- ความเร็วสูงสุดในการอ่านที่ทดสอบด้วยไฟล์ขนาด 2GB ประมาณ 2.5Gb/sec
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนที่ทดสอบด้วยไฟล์ขนาด 8MB ประมาณ 2.5Gb/sec
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนที่ทดสอบด้วยไฟล์ขนาด 256MB ประมาณ 2.4Gb/sec
- ความเร็วสูงสุดในการเขียนที่ทดสอบด้วยไฟล์ขนาด 2GB ประมาณ 2.4Gb/sec
จะเห็นว่าความเร็วที่ได้เรียกว่าเต็มท่อ SATA จริง ๆ นี้คือสิ่งที่ HDD ทำไม่ได้ หรือแหมแต่ HDD Hybrid ก็ทำไม่ได้ (ประมาณปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า HDD แบบ Hybrid จะออกมาแพร่หลายมากขึ้นแทนที่ HDD)
เล่าตัวผลการทดสอบอาจมองไม่เห็นภาพนะครับ ใครที่มีเครื่องคอมเสปกไล่ ๆ กับ NB ของผมลองจินตนาการดูนะครับ
- ผมใช้เวลาลง Windows 7 เสร็จไม่เกิน 15 นาที
- ผมใช้บูตเครื่องตั้งแต่ post BIO เสร็จจนบูต windows เสร็จประมาณ 8 - 10 วินาที (เรียกว่ากดเปิดเครื่องนับหนึ่งถึงสิบพร้อมทำงานแล้วครับ)
- พอลงโปรแกรมครบซึ่งจะมี service หรือโปรแกรมทำงาน ได้แก่ SQL Server 2008 R2 Dev, Kapsersky Internet Security 2012, Adobe Acrobat Prof. และอื่น ๆ อีกจิปาถะ ใช้เวลาบูตประมาณ 12 - 13 วินาที
- เรียกไฟล์ติดตั้ง VS 2010 โดยเอาไฟล์ติดตั้งไว้ในไดรว์ c แล้วเรียกขึ้นมาติดตั้ง ซึ่งเลือกออพชั่นครบยกเว้น SQL Server 2008 Express จะได้ไฟล์ประมาณ 2.2GB จากเดิมใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาทีโดยประมาณ แต่ครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 นาที .. ฟังแล้วน่าประทับใจมากครับ
- เปิดโปรแกรม Visual Studio 2010 แบบยังไม่เปิด Project ใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้เวลาประมาณ 20 วินาที ... เยอะหน่อยนะครับ เพราะ plugin บน VS ของผมมีหลายตัว
- เปิดโปรแกรม MS Word 2010, Excel 2010, IE9 ใช้เวลาเปิดประมาณ 2 วินาที! อันนี้เรื่องจริงนะครับ เปิดปุ๊บติดปั๊บจริง ๆ
- ทดสอบปิดเครื่องแบบ sleep แล้วเปิดกลับมา ใช้เวลาประมาณ 3 - 5 วินาที! ความเร็วขนาดนี้โอเคไหมครับ
- เรื่องการกินไฟ ถ้าอ่านสเปกก็ถือว่าไม่แตกต่างกันมาก (ประมาณ 2 วัตต์นิด ๆ) แต่เมื่อความเร็วในการอ่านเขียนมาก ก็ทำให้งานเสร็จเร็ว ก็เท่ากับช่วยให้เราประหยัดไฟไปในทันที
พูดข้อดีมาเยอะ ข้อเสียก็มีนะครับ
- ราคาแพง นี้คือข้อเสียอันแรกที่ทำให้ใคร ๆ ไม่อยากซื้อ ซึ่งถ้าคิดราคาต่อหน่วยความจุ (มาตรฐานการคิดทั่ว ๆ ไป) คงไม่คุ้มเมื่อเทียบกับ HDD หรือ HDD Hybrid แต่ถ้าคิดว่าซื้อความเร็ว .... ขอคิดก่อนครับ
- ต่อราคาแพง คือ ความจุยังน้อย ในตลาดตอนนี้มีใหญ่สุด 240GB แต่ราคาประมาณ 15,xxx - 18,xxx บาท ตัวที่ผมซื้อมามีขนาด 120GB พอลงโปรแกรมนั่นโน้นนี้ลงไป ตอนนี้เหลือ 55GB .... เหลือน้อยจัง
- เนื่องจาก SSD รุ่นนี้เป็น SATA3 แหมตามสเปกบอกว่าสามารถทำงานร่วมกับ SATA2 ได้ แต่ชีวิตจริง ใช้งานได้ครับ แต่เกิดปัญหาเวลาอ่านเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ หรือมีเทรดการทำงานเยอะ ๆ มักเกิดปัญหา not respond ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ สิ่งที่ต้องทำ คือ นั่งรอสักครู่ แล้วเดี่ยวมันจะกลับมากทำงานตามปกติ ผมพยายามหาทางแก้ไขปัญหา โดยการยกเลิกการเขียน Page File บน SSD ก็ช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ แต่ก็ยังมีบ้าง เมื่อทดลองย้ายไปใช้กับเครื่องคอมที่มี SATA3 ปรากฎว่าอาการดังกล่าวไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งเชื่อได้ว่ามีปัญหากับ Interface SATA อย่างชัดเจน (ประมาณว่า Drive อ่านเขียนเสร็จแล้วแต่เกิดคอขวดที่ Interface) ตอนแรกร้านแนะนำให้เปลี่ยนเป็นรุ่นที่เป็น SATA2 ก็จะไม่เกิดปัญหา ผมก็คิดว่าไม่ดีกว่า เพราะกะว่าปลายปีนี้จะถอย NB ใหม่ซึ่งคงเป็น SATA3 อยู่แล้วจะได้ย้าย SSD ตัวนี้ไปใช้บน NB เครื่องใหม่
ก็เป็นบทรีวิวฉบับมิมิที่นำมาฝาก เผื่อใครสนใจอยากถอย SSD มาใช้

119
นอกเรื่อง / มีใครเคยใช้ sophos web sec appliance บ้างครับ
« เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 22:30:38 PM »
จะต้องเตรียมแผนซื้อ web security appliance ตัวใหม่แทน fortigate 300A ซึ่งกำลังจะหมดอายุลงในปีหน้า มีใครเคยใช้ของ sophos บ้างครับ อยากถามความเห็นหน่อยว่าใช้แล้วเป็นไง ประทับใจหรือไม่ เห็นทำ caching กะ authen ได้ แต่ไม่มี FW ต้องซื้อแยก ตอนแรกกะว่าจะซื้อ Fortigate 310B หรือข้ามรุ่นไป 621B เพราะใช้แล้วโอเค แต่ไม่ประทับใจการบริการของ Distri

121
พอดีไปเจอมาครับ ชื่อ www.ipapk.info รวมโปรแกรมสำหรับ ios และ android เยอะมากเลยครับ ผมได้โปรแกรมดี ๆ ตัวจริงมาหลายตัวเลย เช่น quickoffice pro, desktop remote เลยเอามาแนะนำ

123
เชียร์ cisco 4500 series ครับ ด้วยเหตุผลหลาย ๆ ข้อ โดยเฉพาะถ้าสิ่งที่ต้องการคือ ประสิทธิภาพ และ เสถียรภาพ และการขยายต่อในอนาคต เรื่องราคาก็แปลตามออพชั่นที่จะใส่ครับ แบบกลาง ๆ ก็น่าจะประมาณ 1 - 2 ล้านครับ

124
ยากที่จะเชื่อครับว่านับจากการเปิดตัว OCZ Z-Drive ที่งาน CBIT 2009 สองปีผ่านไป วันนี้ OCZ ได้เปิดตัว SSD ในตระกูล Z-Drive รุ่นล่าสุดคือ R4 ซึ่งมาพร้อมกับการถ่ายโอนข้อมูล 2800MB/sec หรือมากกว่า 500,000 IOP ต่อหนึ่ง controller ซึ่งหากทำเป็น dual controller จะเพิ่มเป็น 5600MB/sec หรือมากกว่า 1M IOP!!! โอวแม่เจ้าฟังแล้วอะไรมันจะเวอร์ได้ใจขนาดนี้ Storage ตัวใหม่ที่ผมกำลังจะซื้อ ทำได้สูงสุดประมาณ 2xx,xxx IOP ก็หรูแล้ว นี้แค่ SSD การ์ดเดียวก็เล่นเข้าไป 500,000 IOP แล้ว โดยเจ้าตัว SSD ตัวนี้ติดตั้งบน PCIe slot ซึ่งจะมีให้เลือกทั้ง Full Height และ Haft Height และมีให้เลือกทั้ง MLC และ SLC ก็เรียกได้ว่าประสิทธิภาพความเร็วสูงขนาดนี้ การอ่านเขียนไฟล์ระดับ TB คงกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยครับ จริงไหมครับ

125
นอกเรื่อง / Re: ชุดคอมพิวเตอร์ตามสเปค ICT
« เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 21:07:01 PM »
Dell Optiplex 790 Desktop
- i5 2400
- ram DDR3 4GB
- HD 500GB
- LCD 19" W
- Win 7 Pro Lic
- Warranty 3/3/3 onsite service
25,xxx ถ้าสนบอกมาแล้วกันครับ

126
ท่านเภสัชกร ขอดูภาพถ่ายอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หรือเปล่าครับ

อยากเห็น ไว้เป็นความรู้ และแนวทางปฏิบัติต่อ ๆ ไป

ขอบคุณครับ  :)
ตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการครับ มีแต่รูปในแคตตาล๊อก ของจริงรอให้เสร็จจะถ่ายรูปมาให้ดูนะครับ ต้องขอโทษที

127
แปลนคงลอกกันไม่ได้ครับ เพราะต้องดูขนาดห้อง, ชนิดและจำนวนอุปกรณ์, และงบประมาณครับ ผมยกตัวอย่างของผมนะครับ
1. ห้องเซิร์ฟเวอร์ที่ทำใหม่ เนื่องจากแบ่งห้องเดิมเป็นสองห้อง (เดิม 8x8 แบ่งเป็น 4x8 + 4x8; Server + Office) ผมจึงใช้กระจกเทมเปอร์เป็นวัสดุกั้นห้อง เหตุที่เลือกใช้กระจก เพราะ จะทำให้เราเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในห้องได้ง่ายขึ้น และที่เลือกใช้กระจกเทมเปอร์เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุ กระจกจะแตกเป็นเม็ด ๆ คล้าย ๆ กระจกรถยนต์ ซึ่งจะปลอดภัยมากกว่า และอีกอย่าง ความหนาของกระจกจะช่วยลดเสียงที่เกิดขึ้น เนื่องจากผมมี Server รวม ๆ กัน 25 เครื่อง ดังนั้นเรื่องเสียงหายห่วงเลยครับ
2. พื้นห้อง ผมเลือกทำเป็นพื้นยกครับ เพราะช่วยลดปัญหากระแสไฟฟ้าที่อาจรั่วลงพื้น, ช่วยเรื่องการกระจายน้ำหนักลงพื้นห้อง เนื่องจากห้องนี้อยู่ชั้น 8 และที่สำคัญ คือ ทำให้เราสามารถเดินสายไฟต่าง ๆ และสายสัญญาณไว้ใต้พื้นได้ จะทำให้ห้องเป็นระเบียบสวยงาม และดูแลง่ายขึ้น ตัวโครงพื้นยก เป็นโครงเหล็กกล้ารูปกล่อง ซึ่งมีความแข็งแรง น้ำหนักเบา ตัว top ของพื้นสำเร็จ ใช้วัสดุเป็นแผ่นคอนกรีตมวลเบา ฉาบผิวหน้าเป็น Laminate (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) ซึ่งแข็งแรง แต่ก็มีข้อเสีย คือ เวลาตัดทำช่องบริการ หรือช่องรอยสายต้องวางแผนให้ดีครับ ตามแปลนของห้องผมจึงต้องกำหนดแนวการวางตู้เผื่ออนาคตไว้ และให้ผู้รับเหมาเจาะทำช่องไว้ให้เสร็จ แล้วปิดด้วยแผ่นยางไว้ก่อนครับ
3. ใต้พื้นผมเดิน wire way ไว้เสร็จ โดยให้ผู้รับเหมาจัดการเดินสายสำหรับต่อ power plug ให้เสร็จ เหลือแต่เอา UPS มาต่อก็ใช้งานได้ ถ้าจะเดินแบบผมแนะนำให้ใช้ power plug ครับ เพราะต่อง่าย, สะดวก, และปลอดภัยมากกว่าปลั๊กไฟปกติครับ
4. เหนือตำแหน่งตู้แร็ค ผมให้ผู้รับเหมาทำ cable ladder เอาไว้สำหรับรอยสายสัญญาณ Fiber Optic และ UTP เนื่องจากต้องการแยกสายไฟและสายสัญญาณไม่ให้มัดรวมกัน เพื่อความเป็นระเบียบ และง่ายต่อการติดตั้งและดูแลสายสัญญาณ และห้องที่มีการใช้ไฟเยอะ จะช่วยลดการส่งสัญญาณมากวนกันได้ครับ
5.ระบบไฟ เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก สิ่งที่เราต้องทำ คือ เอาอุปกรณ์ทั้งหมดมาคำนวนหาปริมาณการใช้ไฟ ถ้าเอาประหยัด บางคนจะคำนวนจากค่าเฉลี่ยที่ 85% Maximum Load แต่ผมเลือกคำนวนที่ 120%  Maximum Load ซึ่งก็มีเหตุผลด้วยครับ ส่วนหนึ่งเราต้องดูว่าสายไฟจากตู้จ่ายไฟของอาคารที่เข้ามาตู้ควบคุมของห้องยาวกี่เมตร ของผมยาวประมาณ 150 เมตร ซึ่งจะเกิดการสูญเสียในสาย จึงต้องเผื่อไว้ และอีกอย่าง เราก็ไม่รู้ว่า เมื่อไรอุปกรณ์ของเราจะกินไฟเต็มพิกัด  สายไฟที่ใช้ลาก หากต้องวิ่งผ่านห้องตรวจ อย่าลืมว่าควรใช้สายไฟที่มีฉนวนป้องกัน EMR ด้วยนะครับ
6. จาก normal feed เข้าห้องจะเข้าตู้ควบคุมก่อนจะแยกเป็นสายทาง ทางแรกถูกส่งไปเลี้ยงแอร์ครับ ไม่แนะนำให้เอาแอร์ไปพ่วงจาก UPS แม้ว่าเราจะมีงบมากพอจะซื้อ UPS ขนาดใหญ่ ๆ ได้ก็ตาม ตามคำแนะนำของทีมงานของ Leonic เขาไม่แนะนำเพราะ แอร์เป็นอุปกรณ์ที่กินไฟแบบกระชาก เวลาที่คอมเพรสเซอร์ทำงานแต่ละครั้ง ของผมจึงแยก load UPS กะ load แอร์ออกจากกัน
7. เรื่องของแอร์ก็สำคัญครับ ถ้าเลือกได้ก็อยากใช้ pricision cooling system เพราะสามารถควบคุมทุกอย่างทั้งอุณหภูมิ, ความชื้นในห้อง ซึ่งแม่นยำมากกว่า comfort cooling แต่ราคาก็ได้ใจจริง ๆ ครับ ตอนที่ผมคุยเรื่องห้อง เฉพาะค่าแอร์อย่างเดียวก็เกินครึ่งล้านแล้วครับ ก็เลยหันมาพึ่ง comfort cooling มากกว่า เรื่องของขนาด ผมว่าให้คำนวนจากค่าความร้อนภายในห้องดีกว่าครับ อย่าเดา ๆ เอาเลย เพราะอาจน้อยเกินไปหรือมากเกินไป ลองไปเปิดดู datasheet ของอุปกรณ์ดูครับ เขาจะมีบอก แต่ถ้าไม่สามารถ เท่าที่ถามผู้รับเหมาที่ทำห้องเซิร์ฟเวอร์มาเยอะ ๆ เขาแนะนำที่ 1000 - 1500 BTU ต่อตารางเมตรเป็นอย่างต่ำ ของผมเท่าที่ลองคำนวนจากอุปกรณ์ที่คาดว่าจะมีในห้องตกประมาณ 44,000 BTU ผมเลยซื้อเผื่อไปที่ 60,000 BTU เพราะห้องที่ทำเป็นห้องกระจกสองด้าน โดนแดดส่งช่วงบ่าย ซื้อมาสองตัวมีตัวควบคุมการทำงาน ปกติสองตัวจะทำงานสลับกันทุกหกชั่วโมง ช่วงรอยต่อให้ทำงานพร้อมกันประมาณ 5 นาทีเพื่อป้องกันไม่ได้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ตัวควบคุมจะมีระบบตรวจสอบการทำงานของแอร์และอุณหภูมิในห้อง หากอุณหภูมิสูงกว่าที่เรากำหนด เนื่องจากแอร์ตัวที่ต้องทำงานเสีย หรือรับภาระไม่ไหว ตัวควบคุมจะสั่งให้อีกตัวที่สแตนบายไว้ ทำงานทันที แต่หากไม่จนอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าที่กำหนด ก็จะส่งสัญญาณเตือน หรือส่ง sms ไปเตือนผู้ดูแลระบบ ซึ่งการใช้ตัวควบคุมแบบนี้จะดีกว่าการใช้ timer เยอะครับ
8. ระบบดับเพลิง สมัยนี้เราจะนิยมใช้เป็นสารเคมี เพราะถ้าใช้น้ำ อุปกรณ์คือพัง!! แต่สารเคมีก็มีหลายชนิด ที่นิยมที่สุดในปัจจุบันคือ FM2000 เพราะถูก และประสิทธิภาพสูง แต่ข้อเสียคือ เจ้า FM2000 เป็นสารประกอบฟลูออโรคาร์บอน ซึ่งทำลายชั้นบรรยากาศ ดังนั้นในปัจจุบันมีสารดับเพลิงชนิดอื่นออกมาเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกก็าซเฉื่อย เช่น อาร์กอน หรือ ไนโตรเจน ผมจำชื่อไม่ได้แล้วครับ ราคาติดตั้งครั้งแรกจะแพงนิดหนึ่ง แต่ค่าบำรุงรักษาจะต่ำกว่า FM2000 มาก ประสิทธิภาพคือช่วยปิดกั้น 02 ดังนั้นถ้ามันพ่นออกมา ต้องรีบออกจากห้องทันที แต่ข้อดีคือไม่เป็นพิษต่อคน และไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
9. ระบบกล้องวงจรปิด, ระบบล๊อกห้องด้วยระบบลายนิ้วมือ อันนี้สมัยนิยมครับ แต่ก็ไม่แพงเท่าไรครับ แต่กล้องต้องเลือกดี ๆ นะครับ ผมเห็นออพชั่นเยอะเหลือเกิน เช่น ตัวกล้องระหว่าง 0 lux กะ 1 lux ราคาก็ต่างกันเยอะเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะพอช่วยจขกท.ในการตัดสินใจได้หรือเปล่า ก็ลองดูนะครับ

128
นอกเรื่อง / Microsoft SQL Server 2008 R2 SP1 Now Available!!!
« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2011, 21:33:06 PM »
ตามหัวข้อเลยครับ ปล่อยออกมาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค คิดว่าส่งออก ก่อนที่จะปล่อย SQL 2012 ครับ เปิดอัพเดทจาก windows update ได้เลยนะครับ

129
นอกเรื่อง / Bio Clock
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 00:43:26 AM »
ไปเจอบทความดี ๆ เลยเอาบอกต่อครับ


 
บทความเรื่องนี้ เรียบเรียงจากหนังสือที่อาจารย์นวลฉวี ทรรพนันทน์ นำมามอบให้ผู้เขียนหลายเดือนมาแล้ว
 
และได้ขออนุญาต อ.นวลฉวีฯ มาเผยแพร่ต่อ ซึ่งอ.นวลฉวีฯ ไม่ขัดข้อง แต่ผู้เขียนก็ยังไม่มีเวลานำมาเรียบเรียงใหม่หลังจากผู้เขียน
 
จัดสรรเวลาได้ จึงเริ่มนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ต่อ ซึ่งหลายๆส่วนนั้น ก็ได้มาจากอาจารย์สุทธิวัลล์ คำภา นักธรรมชาติบำบัดที่มีพื้นฐาน
 
จากครอบครัวแพทย์แผนไทย มีประสบการณ์ในการสืบค้นภูมิปัญญาไทยตามแนวธรรมชาติบำบัดมายาวนานกว่า 30 ปี
 
อีกทั้งได้ค้นคว้าหาความรู้จากพระไตรปิฎกในทางพุทธศาสนาประกอบ ซึ่งเป็นเรื่องของธรรม จิต พลัง ร่างกายและอาหาร

 เป็นผู้ถ่ายทอดหลักในเนื้อหาของหนังสือเล่มดังกล่าว

 
 
โดยผู้เขียนขอนำมาเสนอต่อท่านผู้อ่านให้ได้ทราบต่อว่าการแพทย์ตะวันออกถือว่า กลางวันและกลางคืน
 
มีความสัมพันธ์กับสุขภาพของมนุษย์อย่างแยกไม่ออก โดยมองลึกลงไปอีกว่า ช่วงเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั้น ภายในร่างกาย

 ของมนุษย์ยังมีการไหลเวียนของพลังชีวิตที่ผ่านอวัยวะภายในของร่างกายซึ่งประกอบด้วย อวัยวะตันและอวัยวะกลวง
 
 
 
อวัยวะตัน หมายถึง หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ ไต

 อวัยวะกลวง หมายถึง กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก

 
 
กระเพาะปัสสาวะ ระบบความร้อนของร่างกาย
 
การไหลเวียนของพลังชีวิต ลมปราณ ที่ผ่านแต่ละอวัยวะนั้นจะใช้เวลาสองชั่วโมง ทั้งหมดมี 2 อวัยวะ รวม 24 ชั่วโมง

 คือ หนึ่งวัน เรียกว่า“นาฬิกาชีวิต”

 
 
ตัวอย่าง เช่นการไหลเวียนของเส้นลมปราณปอด จะมีพลังไหลเวียนเริ่มต้นที่เวลา 03.00 น.
 
และสูงสุดในช่วงประมาณ 04.00 น. จากนั้นจะค่อยๆ ลดลง และออกจากเส้นลมปราณปอดไปยังเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่

 เวลา 05.00 น. การรักษาโรคของเส้นลมปราณปอดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรอยู่ระหว่างเวลา 03.00 – 05.00 น.
 
 
 
ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผลของการใช้ยาของฝรั่งคือ ยาดิติตาลิสในการรักษาโรคหัวใจล้มเหลว
 
มีการคั่งของน้ำในปอดการให้ยาในช่วงเวลา 04.00 น. จะให้ผลออกฤทธิ์ประมาณสี่สิบเท่าของการให้เวลาอื่น เป็นต้น
 
การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะภายในมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา (นาฬิกาชีวิต)
 
ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทำงานของระบบตางๆ ฯลฯ เป็นไป

 ตามสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป

 
 
การดำเนินชีวิตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง

 ของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืน ปราศจากโรค โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้
 
 
 
ช่วง 01.00 – 03.00 น.เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อน ถ้าใครนอนหลับได้ดี
 
หลับสนิท หลับลึก เป็นประจำในช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย
 
นอกจากร่างกายจะหลั่งมีราโทนินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วย จึงไม่ควรกินอาหารเพราะจะทำให้ตับ
 
ทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับคือ ขจัดสารพิษในร่างกาย ส่วนหน้าที่รอง คือ
 
1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
 
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหารถ้ากินอาหารช่วง 01.00 – 03.00 น.จะทำให้ตับทำงานหนัก ตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก

 จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ

 
 
ช่วง 03.00 – 05.00 น.เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอน ลุกขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์

 ผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำปอดจะดี ผิวดีขึ้น และจะเป็นคนที่มีอำนาจในตัว

 
 
ช่วง 05.00 – 07.00 น.เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระ ทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า
 
ถ้าไม่ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูก ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว
 
โดยใช้น้ำ 1 แก้ว+น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ  +มะนาว 4 – 5 ลูก ทำดื่มจนกว่าจะถ่ายหรือบริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลง

 พร้อมทั้งหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าหน้าท้องไปติดสันหลัง

 
 
ช่วง 07.00 – 09.00 น.เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะทำงาน ควรกินอาหารเช้า
 
ในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล

 ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย

 
 
  ช่วง 09.00 – 11.00 น.เป็นช่วงเวลาของม้าม ควรพูดน้อย กินน้อย ไม่นอนหลับ ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย
 
มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด สร้างน้ำเหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักมาจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครงสาเหตุ
 
มาจากม้ามกับตับ
 
- ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง
 
สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
 
- ม้ามชื้น อาหารและน้ำที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมัน จึงทำให้อ้วนง่าย
 
ผู้ที่มักนอนหลับในช่วงเวลา 09.00 – 11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ นอกจากนี้ม้ามยังโยงถึงริมฝีปาก ผู้ที่พูดบ่อยๆ หรือพูดเก่งๆ ม้ามจะชื้น

 จึงควรพูดน้อยกินน้อย ม้ามจึงแข็งแรง

ในหนังสือเล่มดังกล่าว ได้บอกเวลาทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกายคนเราไว้ต่อจากตอนที่ 1 ว่า
 
 
 
ช่วง 11.00 – 13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด

 เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้

 
 
ช่วง 13.00 – 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก ควรงดการกินอาหารทุกประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน
 
ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง
 
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่า
 
ผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่า เนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลำไส้ยาวกว่าจึงมี

 กระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ 1 ซี่

 
 
ช่วง 15.00 – 17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ควรออกกำลังกาย แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่ม...หัวตา
 
ผ่านหน้าผาก ศีรษะ ท้ายทอย แผ่นหลังทั้งแผ่น สะโพก ด้านหลังขา หัวเข่า น่อง ส้นเท้า นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้อง
 
กับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด (เป็นข้อมูลของแพทย์แผนตะวันออก ซึ่งอาจแตกต่างจากแพทย์แผนตะวันตก)
 
ช่วงเวลานี้จึงควรทำให้เหงื่อออก อาจจะออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปน
 
ออกมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโปตัสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวาย ป้องกันเรื่องหัวใจวายด้วยการให้ดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อ
 
เติมโปตัสเซียม (ผู้ที่มีโปตัสเซียมน้อยต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา เพราะยาชา จะทำให้โปตัสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวาย
 
ได้ง่าย) การอั้นปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ
 
จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวัง เป็นต้นเหตุให้ท่านมีกลิ่นตัวที่น่ารังเกียจโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้น พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะนาน

 ต้องพยายามหาทางปลดปล่อยเมื่อปวดปัสสาวะ

 
 
ช่วง 17.00 – 19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้

 ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการหนักมาก
 
 
 
- ไตซ้ายจะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว

 ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน
 
 
 
- ไตขวาจะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญหาความจำจะเสื่อม และเป็นคนขี้หนาว
 
ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนมีอายุยืน เป็นคนกล้า  ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลาย
 
จะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต สมองจะเสื่อม

 ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ

 
 
  การดูแลคือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า

 แต่น้ำควรใส่สมุนไพรที่ถูกกับโฉลกของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง
 
 
 
ช่วง 19.00 – 21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ
 
ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือหัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ

 การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง ควรใส่เสื้อผ้าชุดสีดำ เทา เอาเท้า แช่เท้าในน้ำอุ่น
 
 
 
ช่วง 21.00 – 23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้

 เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ

 
 
  ช่วง 23.00 – 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรดื่มน้ำก่อน 23.00 น.
 
(ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ) อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี
 
ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก
 
หรือตอนเช้าจะจาม (ถุงน้ำดีจะโยงไปถึงปอด) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ

 (ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก)

 
 
ทางแก้ของนักธรรมชาติบำบัดคือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนลอน ชุดนอน
 
ที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูงๆ
 
เพราะจะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
 
ขอให้ท่านผู้อ่าน ทดลองปฏิบัติดู บางท่านได้ผลตามหนังสือเล่มนี้ แนะนำ บางท่านก็ไม่ได้ผล
 
เข้าหลักที่ว่า “รางเนื้อ ชอบรางยา” นั่นคือ มันก็ไม่แน่เสมอไป แม้แต่ยารักษาโรคแผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง
 
หรือที่เรียกว่า “ยาฝรั่ง” ก็ใช่จะรักษาโรคที่กล่าวอ้างให้หายได้ตามใบกำกับยาในผู้ป่วยทุกราย บางรายกินเข้าไป
 
อาการกลับหนักยิ่งกว่าก่อนหน้าก็มี บางรายมีอาการข้างเคียงเข้าห้องไอซียูไปเลยก็มี เพราะมีอาการแพ้สารเคมี
 
ในยาฝรั่งนั่นเอง แต่ในศาสตร์แพทย์ทางเลือกที่ว่ามาในบทความตอนที่ 245 – 246 นี้ มีโทษน้อยกว่ายาฝรั่งมาก

 และส่วนใหญ่ก็ดูจะได้ผลดีค่อนข้างมาก จึงได้นำมาบอกต่อครับ

 
ช่วง 11.00 – 13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด
เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้

ช่วง 13.00 – 15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก ควรงดการกินอาหารทุกประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้ทำงาน
ลำไส้เล็กมีหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เช่น วิตามินซี บี โปรตีนเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง
ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโนน้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่า
ผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่า เนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลำไส้ยาวกว่าจึงมี
กระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ 1 ซี่

ช่วง 15.00 – 17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ควรออกกำลังกาย แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่ม...หัวตา
ผ่านหน้าผาก ศีรษะ ท้ายทอย แผ่นหลังทั้งแผ่น สะโพก ด้านหลังขา หัวเข่า น่อง ส้นเท้า นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้อง
กับระบบความจำ ไทรอยด์ และระบบเพศทั้งหมด (เป็นข้อมูลของแพทย์แผนตะวันออก ซึ่งอาจแตกต่างจากแพทย์แผนตะวันตก)
ช่วงเวลานี้จึงควรทำให้เหงื่อออก อาจจะออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปน
ออกมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโปตัสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวาย ป้องกันเรื่องหัวใจวายด้วยการให้ดื่มน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อ
เติมโปตัสเซียม (ผู้ที่มีโปตัสเซียมน้อยต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา เพราะยาชา จะทำให้โปตัสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวาย
ได้ง่าย) การอั้นปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ
จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวัง เป็นต้นเหตุให้ท่านมีกลิ่นตัวที่น่ารังเกียจโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้น พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะนาน
ต้องพยายามหาทางปลดปล่อยเมื่อปวดปัสสาวะ

ช่วง 17.00 – 19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้
ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการหนักมาก

- ไตซ้ายจะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว
ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และเป็นคนขี้ร้อน

- ไตขวาจะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญหาความจำจะเสื่อม และเป็นคนขี้หนาว
ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนมีอายุยืน เป็นคนกล้า ถ้าลำไส้เล็กมีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลาย
จะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็นภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต สมองจะเสื่อม
ปวดหลัง เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ

 การดูแลคือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า
แต่น้ำควรใส่สมุนไพรที่ถูกกับโฉลกของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง

ช่วง 19.00 – 21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ
ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือหัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่องตื่นเต้น ดีใจ
การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง ควรใส่เสื้อผ้าชุดสีดำ เทา เอาเท้า แช่เท้าในน้ำอุ่น

ช่วง 21.00 – 23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้
เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ

ช่วง 23.00 – 01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรดื่มน้ำก่อน 23.00 น.
(ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยที่ออกมาจากตับ) อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี
ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก
หรือตอนเช้าจะจาม (ถุงน้ำดีจะโยงไปถึงปอด) จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ
(ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก)

ทางแก้ของนักธรรมชาติบำบัดคือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนลอน ชุดนอน
ที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูงๆ
เพราะจะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
ขอให้ท่านผู้อ่าน ทดลองปฏิบัติดู บางท่านได้ผลตามหนังสือเล่มนี้ แนะนำ บางท่านก็ไม่ได้ผล
เข้าหลักที่ว่า “รางเนื้อ ชอบรางยา” นั่นคือ มันก็ไม่แน่เสมอไป แม้แต่ยารักษาโรคแผนปัจจุบันชั้นหนึ่ง
หรือที่เรียกว่า “ยาฝรั่ง” ก็ใช่จะรักษาโรคที่กล่าวอ้างให้หายได้ตามใบกำกับยาในผู้ป่วยทุกราย บางรายกินเข้าไป
อาการกลับหนักยิ่งกว่าก่อนหน้าก็มี บางรายมีอาการข้างเคียงเข้าห้องไอซียูไปเลยก็มี เพราะมีอาการแพ้สารเคมี
ในยาฝรั่งนั่นเอง แต่ในศาสตร์แพทย์ทางเลือกที่ว่ามาในบทความตอนที่ 245 – 246 นี้ มีโทษน้อยกว่ายาฝรั่งมาก
และส่วนใหญ่ก็ดูจะได้ผลดีค่อนข้างมาก จึงได้นำมาบอกต่อครับ

บทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ
ประธานชมรมศาสนาและการกุศล

130
นอกเรื่อง / to.nong.nim@gmail.com
« เมื่อ: มิถุนายน 24, 2011, 16:39:09 PM »
สมาชิกคงได้ดูโฆษณานี้ผ่านหน้าจอไปกันบ้างแล้วนะครับ ใครยังไม่ได้ดูขอหยิบมาให้ดู
ถึงน้องนิ่ม

http://www.youtube.com/watch?v=emklHU_DzRw

มวยไทย : อันนี้สร้างจากเรื่องจริงครับ

http://www.youtube.com/watch?v=iHBEJOAEt2E

งานชิ้นแรกดูแล้วซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหลจริง ๆ ครับ แล้วถามตัวเองว่าเมื่อไรจะได้มีโอกาสทำแบบนี้บ้าง
ส่วนงานที่สองก็น่าทึ่งครับ

131
นอกเรื่อง / Oracle Linux Enterprise 6.1 (x86/x64)
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2011, 22:16:17 PM »
Oracle Enterprise Linux - Oracle Corporation initiative to create its own OS distribution based on Red Hat Enterprise Linux. This specialized distribution designed for installation on the database server. The distribution includes all critical to the Oracle database updates, fixes some bugs. The purpose of Oracle announced support for the cheaper end user's licensed under the GNU / GPL in the assembly for the x86 and x86_64.


As part of Oracle Linux 6.1 comes with two options packages Linux-kernel 2.6.32: a classic version of the company Red Hat (kernel-2.6.32-131.0.15.el6) and created by the Oracle kernel package (kernel-uek-2.6. 32-100.34.1.el6uek), available only for the platform x86_64. By default, the basic package includes two cores, but prepared in the Oracle kernel package is loaded by default. Ready-core binaries from the Oracle-compatible c RHEL 4 and 5, distributions and src.rpm-packs are on the site public-yum.oracle.com, there can also download and others present in the distribution packages. Oracle does not impose any restrictions on the supply of trained in the Oracle kernel to third-party products.

Distribution of the differences between Oracle Linux 6.1 on RHEL 6.1 update notes and drivers to add support for Infiniband-adapters QLogic IB. In the assembly, Linux-kernel from Oracle improved balancing IRQ, reduced the number of competing locks, used to optimize I / O performance.

For general differences between Oracle Linux 6.x series of RHEL 6.x can be found here. Among the key features of the Oracle Linux 6 (many of these features, despite the statement by Oracle, are present in RHEL 6): support for remote method of direct memory access OFED (OpenFabrics Enterprise Distribution); support clustered file system OCFS2 1.6; integration framework to ensure data integrity DIF / DIX (Linux data integrity framework); support tickless-mode core, support groups, monitor the implementation of tasks (Task Control Groups - TCG or cgroups); use subsystem Performance Counters; automatic adaptive tuning of SSD-drives, the ability to bind the input handler / O to specific processor cores (IO affinity); transparent load-balancing technology to process incoming network traffic on the existing system CPU; support system call fallocate

Download (WUpload)
http://www.wupload.com/file/28051919/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part1.rar
http://www.wupload.com/file/28051925/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part2.rar
http://www.wupload.com/file/28051937/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part3.rar
http://www.wupload.com/file/28052068/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part4.rar
http://www.wupload.com/file/28052094/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part5.rar
http://www.wupload.com/file/28052119/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part6.rar
http://www.wupload.com/file/28052139/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part7.rar
http://www.wupload.com/file/28052143/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part8.rar

Mirror (Filesonic)
http://www.filesonic.com/file/1277686951/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part1.rar
http://www.filesonic.com/file/1277691491/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part2.rar
http://www.filesonic.com/file/1277691551/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part3.rar
http://www.filesonic.com/file/1277691581/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part4.rar
http://www.filesonic.com/file/1277695291/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part5.rar
http://www.filesonic.com/file/1277695351/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part6.rar
http://www.filesonic.com/file/1277695401/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part7.rar
http://www.filesonic.com/file/1277695451/OracleLinux-R6-U1-Server-x86_64-dvd_AppzPro.softarchive.net.part8.rar

Mirror (FileServe)
http://www.fileserve.com/file/SVjDCey
http://www.fileserve.com/file/Fa7ZEbq
http://www.fileserve.com/file/txWVuFm
http://www.fileserve.com/file/dW4EmXN
http://www.fileserve.com/file/RPGhCDB
http://www.fileserve.com/file/gMESYjP
http://www.fileserve.com/file/Nw98WNx
http://www.fileserve.com/file/dCKQCmP


132
นอกเรื่อง / HTC Home Apis
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2011, 21:46:45 PM »
เป็น widget สำหรับโชว์นาฬิกาและพยากรณ์อากาศเหมือนกับ HTC Sense บนโทรศัพท์ HTC ครับ ถ้าใครใช้ HTC อยู่คงพอจะนึกออกนะครับ สนใจเข้าไป dl ได้ที่ http://www.htchome.org/en/ เอารูปมาให้ดู คือ หลังจากติดตั้งแล้วครับ

133
นอกเรื่อง / Kaspersky 2012 Now Available!!!
« เมื่อ: มิถุนายน 19, 2011, 23:09:45 PM »
มิตรรักแฟนเพลง KAV คงดีใจที่ได้เห็น Kaspersky Antivirus เวอร์ชั่นใหม่ 2012 ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ ใครสนใจเข้าไปอ่านข้อมูลต่อได้ที่

http://www.kaspersky.com/kaspersky_internet_security

จบข่าวครับ

134
นอกเรื่อง / LibreOffice
« เมื่อ: มิถุนายน 18, 2011, 23:01:03 PM »
OpenSource Office ที่น่าสนใจ เลยเอามาฝาก
http://www.libreoffice.org/

135
นอกเรื่อง / Re: Professional Mobile Web Development with WordPress, Joomla! and Drupal
« เมื่อ: มิถุนายน 17, 2011, 11:50:14 AM »
คือหนังสือซึ่งสอนการทำ web app โดยใช้ WP, JL, และ DP ครับ

137
นอกเรื่อง / IDE Tools สำหรับ Android เพื่อชาว VB
« เมื่อ: มิถุนายน 12, 2011, 22:29:19 PM »
http://www.basic4ppc.com/index.html
เจอมาน่าสนใจมากครับ เลยเอามาบอก

138
นอกเรื่อง / มีใครใช้โปรแกรม deployment บ้างครับ
« เมื่อ: มิถุนายน 11, 2011, 16:19:20 PM »
อยากหาโปรแกรม deployment มาใช้ในรพ.ครับ ลองเอา advanced installer มาใช้ก็ใช้งานยากครับ มีใครแนะนำตัวไหนที่ทำ deployment, patch, update บ้างครับ

139
สิ่งที่ผมไม่รู้ คือ ความก้าวหน้าของ Hosxp ในปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องการ Server ตัวอื่นนอกจาก DB Server อีกหรือไม่ เช่น App Server เป็นต้น ถ้าไม่ต้องการ คือมีแค่ DB Server กะ Client เพียงแค่ 2 tier แค่นี้ก็ง่ายเลยครับ และอีกอย่างโปรแกรม Hosxp รันบน Windows 64 bit ได้หรือไม่ คุ้น ๆ เคยอ่านว่าได้นะครับ รอการยืนยันของอาจารย์ท่านอื่นแล้วกันครับ แต่ผมสมมติก่อนว่าได้นะครับ สิ่งที่คุณต้องการก็แค่ VMWare Workstation
1. คุณลง Windows 64bit บน Physical PC เพื่อเป็น Host ผมแนะนำให้คุณลงแค่ Windows XP พอครับจะได้ใช้ resource โดยเฉพาะแรมน้อย ๆ หน่อย
2. คุณลง VMWare Workstation ลงไป
3. คุณสร้าง VM ขึ้นมาสัก 2 VM  โดย VM1 สร้างขึ้นเพื่อ run linux server เพื่อทำตัวเป็น DB Server ส่วน VM2 สร้างขึ้นเพื่อเป็น Client ทดสอบตัวที่ 2 โดยใช้ Windows 32 bit สาเหตุที่แนะนำแค่ 2VM เพราะแรมของคุณมีน้อย เฉพาะตัว Host ก็น่าจะจองประมาณ 1 - 2 GB แล้ว ของ VM1 ก็น่าจะประมาณ 4GB ดังนั้นคุณจะเหลือสำหรับ VM2 ประมาณ 2GB เท่านั้น หรือถ้าคุณต้องการทดสอบเพิ่มคุณอาจจะปั่นอีกตัวหนึ่ง โดยให้ VM ที่เป็น Client ใช้ ram แค่ 1GB ก็อาจได้ครับ
4. หลังจากที่จัดการอะไรเสร็จแล้ว คุณก็จะได้ 1 Server กะ 2 - 3 Client ให้ทดสอบ จากนั้นคุณก็แค่ดูดข้อมูลจาก Server ตัวจริง ลงมาใน Server ทดสอบ ก็เป็นอันเสร็จ
5. ตามความคิดของผม สิ่งที่คุณจะคาดหวังได้จากการทดสอบนี้ คือ การตรวจจับข้อผิดพลาดก่อนปล่อยใช้งานจริงตามความต้องการ แต่สิ่งที่คุณไม่ควรจะคาดหวัง คือ ผลการทดสอบเรื่อง Performace เพราะอาจแตกต่างกับระบบจริงที่คุณลงในระบบใหญ่ อีกทั้งยังมีเรื่องของ concurrency ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องระวังด้วยนะครับ เพราะการทดสอบ เราใช้งานอยู่คนเดียว ทำงานที่ละหน้าที่ แต่ชีวิต คือ ทำงานพร้อมกันทั้งรพ.

140
นอกเรื่อง / Re: แนะนำเว็บสำหรับแฟน ๆ PHP on IIS7
« เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 07:32:18 AM »
มี plugin ที่น่าสนใจ คือ php manager ทำให้การติดตั้ง php ให้ใช้งานร่วมกับ IIS7 เป็นเรื่องง่ายมาก ๆ ครับ ลองดูนะครับ

141
นอกเรื่อง / แนะนำเว็บสำหรับแฟน ๆ PHP on IIS7
« เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 07:21:55 AM »

142
โยนเข้าเตาเผาขยะโรงพยาบาลเลยครับ รับรองไม่เหลือหลักฐาน .... 5555 ล่อเล้นครับ
ผมเคยซื้อของโอลิมเปีย จำได้ว่าหมื่นกว่าบาท แต่นานมาแล้วครับ สิ่งที่ต้องดูคือ ชนิดกระดาษและปริมาณครับ เพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ ก็รองรับความหนาของกระดาษได้ไม่เหมือนกัน บางรุ่นก็รองรับได้ไม่กี่แผ่น บางรุ่นก็รองรับได้ครั้งละ 10 - 20 แผ่น ขนาดความกว้างของกระดาษหลังตัดอีกครับ ราคาก็เริ่มต้นประมาณ 3 - 4 พันบาท จนถึงหลายหมื่นก็มี

143
ไม่มีครับป๋ม ... ซื้อเมื่อไรบอกด้วยนะครับ จะช่วยทำประชาพิจารณ์  ;D ;D ;D

144
ผมว่าถ้าศรีสังวาลคิดอยากทำ VM จริง ๆ ก็น่าสนนะครับ ทำตั้งแต่ server ยัน client เลยครับ แล้วค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยน client ให้เป็น thin client เพราะเท่าที่ดู ผมเชื่อว่า Hosxp สามารถรันบน thin client ได้

145
ลองไป dl ดูเพื่อทำความเข้าใจครับ
http://rlwarez.softarchive.net/elias_khnaser_vmware_vsphere_training_course_dvd.703850.html

อันนี้เอาไป dl เพื่ออ่านทำความเข้าใจครับ
http://www.filesonic.com/file/149487461/Prentice.Hall.VMware.ESX.and.ESXi.in.the.Enterprise.2nd.Edition.Feb.2011.rar

146
อ๋อ เห็นรายการ server ที่มีอยู่เดิม ก็น่าสนเอามาทำ VM เหมือนกันนะครับ อย่างน้อยเอามาทำ DR Site ก็ดีเหมือนกัน

147
Q : ไม่ผ่านเฉพาะ VMDesktop ใช่ไหมครับ
A : ครับ เพราะ SSB รับประทาน resource เยอะพอควร จึงทำให้รันแล้วอึดครับ เลยไม่กล้าลงระบบจริง

Q : ใช้ vSphere ESX(i) สำหรับงานบริการผู้ป่วย SSB แล้วหรือยังครับ
หรือมีโครงการจะย้ายขึ้นไหมครับ
A : ไม่ได้ใช้ครับ เนื่องจากกำลังรอการติดตั้งทั้งระบบ แต่อนาคตอาจจะใช้ครับ
เพราะเซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่เลือกเป็น blade server เน้นมาเพื่อจะทำ VM

Q : รพ.ศรีสังวรฯ กำลังจะจัดหา server มาใช้สำหรับ Hosxp
มีเสนอ virtual server ตามประโยชน์ที่คุณเภสัชกรกล่าวไว้
ติดอยู่ที่จะรองรับโหลดได้ เหมือน server physical ได้ไหม
อยากหา referrence site ที่เป็น รพ. ใช้งานบริการของรพ.ครับ
A : ต้องถามว่าหลังจากที่ทำแล้ว
1.ต้องการให้มี VM กี่เครื่อง
2.ต้องการให้เหลือ Physical Server กี่เครื่อง
3.ความต้องการอื่น ๆ เช่น เรื่องของ HA คิดจะทำ DR Site หรือไม่ ฯลฯ
ผมแนะนำว่าดูคนอื่นเป็นแนวทางความน่าจะเป็นได้ครับ แต่ต้องทำ sizing ก่อนจะเริ่มคุยสเปก ถ้าอยู่ในกทม.หรือปริมณฑล ผมจะแนะนำบริษัทที่ผมสนิทด้วย เขาเป็น Certified Partner ของ VMWare เพราะอย่างที่บอกครับ VMWare ไม่ได้สำเร็จรูป เราต้องปรับและจูนให้เหมาะสมกับสภาวะงานของเราจริง ๆ ถ้าถามว่ารองรับงานเหมือนการใช้ Physical server ได้ไหม ตอบได้เต็มปากเลยครับว่าได้ และในบางกรณีได้ดีกว่าด้วย โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องมี server มากกว่า 10 เครื่องขึ้นไป อย่างของเพื่อนบ้านผม ที่รพ.นนทเวช นี้ก็เป็น site หนึ่งของ SSB ที่ทำ VMWare บน Server แล้วประสบความสำเร็จ เขาหด server จาก 1x ตัว เหลือแค่ 2 ตัวเท่านั้น แถมได้ Performace ที่ไม่แตกต่างจากเดิม เท่าที่คุยกับแอดมิน เขาก็มีแนวความคิดจะขยายต่อในเรื่องของ DRSite ต่อไปอีกเพื่อเพิ่มในเรื่องของ reliability ให้มากขึ้น
ถ้าผมประเมินคราว ๆ ขนาดของรพ.ศรีสังวาล เครื่อง server พื้นฐานที่น่าจะต้องมี
1.Domain Server
2.Database Server
3.Data Warehouse Server
4.Web Server
5.Mail Server
6.Management Server
ผมไม่แน่ใจว่าทางแอดมินของศรีสังวาลชอบ Server ค่ายไหนเป็นการเฉพาะไหม แต่ผมขอยกตัวอย่าง Dell ก่อนแล้วนะครับ ผมอยากให้ลองพิจารณาดู
Dell PowerEdge R810
Intel Xeon x5660 2 unit
RAM ขั้นต่ำ 48GB เอานี้ผมคำนวนจาก Domain, Web, Mail, Management 4GB, Database 16GB, Data Warehouse 8GB
HD ผมแนะนำทำ SAN แต่ถ้างบไม่เหลือมาก อาจพิจารณาใช้ SAS 15K 600GB 6 units (ใส่จนเต็มตู้ครับ) แบ่งเป็น 2 RAID Group
- Group 0 ใช้ 2 units ทำ RAID1 เอาไว้รัน VM file ของ host ก็เท่ากับเราจะได้พท.จาก Group นี้ประมาณ 5xx GB ก็แบ่งให้ VM ละ 8xGB ก็น่าจะพอ
- Group 1 ใช้ 4 units ทำ RAID5 เอาไว้เก็บข้อมูล ก็เท่ากับเราจะมีพท.เก็บข้อมูลประมาณ 1.6x TB ก็เรียกว่าเก็บได้แบบลืมเลยครับ
Network I/O ของ 810 มี LAN port ทั้งหมด 4 port
- Port0 assign ให้ DB Server
- Port1 assign ให้ DWH Server
- Port 2/3 assign ให้ server ที่เหลือ
ส่วนตัว vSphere งานนี้ก็คงจะต้องเป็น ESX แล้วครับ ค่า Lic ผมไม่ทราบจริง ๆ ต้องติดต่อตัวแทนจำหน่ายครับ แต่เท่าที่ดูคิดว่าคงถูกกว่าไปซื้อเซิร์ฟเวอร์แยกครับ

148
ขอต่ออีกสักนิดนะครับ ... เรื่องของ VMDesktop ก่อนหน้านี้ผมเห็นใครพูดถึงการทำระบบ diskless หรือ no disk ในฝั่ง client หลักของ VMDesktop ก็คล้าย ๆ กันครับ แต่ต่างกันที่ระบบแรก client มันคือ dump terminal จริง ๆ ไม่มีการบันทึก session ของผู้ใช้, หรือโปรไฟล์ หรืองานที่ผู้ใช้กำลังทำอยู่ แต่ระบบ VMDesktop จะมีคอนเซ็ปคล้าย ๆ กับการทำ Remote Desktop ครับ คือ ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าจอของตัวทิ้งไว้แล้วย้ายจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยไม่ใช่เป็นต้องปิด session ของตัวเอง และเปิดใหม่ หรือผู้ใช้สามารถใช้หน้าจอของตัวได้ในทุก ๆ อุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็น Thin Client ,  Nettop, Netbook, PC, Notebook หรือแหมกระทั่ง tablet นี้คือข้อดีที่ทำให้ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ VMDesktop หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า VDI กันมากขึ้น จริง ๆ ที่รพ.เคยคิดจะทำครับ แต่ทดสอบแล้วไม่ผ่าน ติดที่โปรแกรม SSB ครับ

ปล.วันนี้ตอบยาวหน่อยนะครับ ... สงสัยเพราะไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้นาน เลยจัดหนักไปหน่อย

149
;D ;D ;D ลืมถามไปว่า vmware ที่ว่านี้รันบนวินโดว์หรือเปล่าครับ ถ้าแบบนี้เรียกว่าการเอาระบบปฏิบัติการไปแขวนไว้บน software มีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะครับทั้งเรื่องความเร็วและความเสถียร แต่ถามว่าทำได้หรือไม่นั้นทำได้แน่ครับผม ทางที่ดีทำ server ขึ้นมาเพื่อจัดเก็บแบบตรงๆเลยครับถ้าไม่มีข้อจำกัดในเรื่องอื่นๆ
ขอยืนยันครับว่าไม่จริง
การทำ VMWare นอกจากประโยชน์หลักเรื่องการทำ consolidate แล้ว ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกเยอะครับ เช่น เรื่องของ HA, เรื่องของ Performance, เรื่องของ Reliability เยอะครับ เช่น สมมติว่าเรามีเซิร์ฟเวอร์เจ้ากรรม 1 ตัวซึ่งใส่แรมจนเต็มแหละ (สัก 192GB) แต่ยังไม่พอรับมือภาระงานอันหนักน่วงที่ต้อง DB สัก 10 ฐานข้อมูล ฐานข้อมูลแต่ละตัวก็มีขนาดก้อน DB สัก 10 TB (นึกๆ จะได้เห็นไหมเนี้ยะในพ.ศ.นี้) แต่ด้วยเทคโนโลยีของ VMWare เราสามารถไปยืม ram มาจาก server อีกเครื่องที่ยังใช้เหลือ ๆ มาเพิ่มให้กับเซิร์ฟเวอร์เจ้ากรรมก็ได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเซิร์ฟเวอร์เจ้ากรรมเครื่องนี้
เอางี้ดีกว่า เอาชีวิตจริงปัจจุบันดีกว่า สมมติว่าเรามี DBServer 1 ตัวให้บริการทั้งรพ.เลย ถ้าวันดีคืนดี ไม่ซิจริง ๆ น่าจะเรียกว่าวันซวยมากกว่า บอร์ดของเซิร์ฟเวอร์เครื่องนี้มันเกิดทะลึ่งขี้เกียจทำงาน โบกมือลาแบบไม่เตือนล่วงหน้าแบบดื้อ ๆ ... อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตแอดมินตาดำ ๆ ครับ ...
- ถ้ามือใหม่ก็ต้องรีบวิ่งกรูไปที่ห้องเซิร์ฟเวอร์ (ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน, อยู่กับใคร, หรือนั่งกินอะไรอยู่!!!) เพื่อย้ายจาก master server ไปหา slave server ตามที่ได้ร่ำเรียนมาใช่ไหมครับ ... ถามว่าช่วงเวลานี้เสียเวลากี่นาที อย่างเร็ว เผอิญ เรานั่งทำงานอยู่พอดี (ประมาณว่าฟ้ายังเข้าข้างเราบ้าง) ก็อาจใช้เวลาประมาณ 10 - 15 นาทีโดยประมาณ ในการบูตเครื่องสำรองขึ้นมา และนั่นโน้นนี้ ... แต่ 10 นาทีนี้ถ้าเป็น 10 นาทีในตอน 10.00 น. คงมีคนแช่งเราอยู่แน่ ๆ.... มึงจะมาพังอะไรตอนนี้????? และอีกประเด็นหนึ่ง คือ เราต้องมีเซิร์ฟเวอร์อีกตัวหนึ่งที่ต้องมีหน้าตาสะสวยพอ ๆ กับเครื่องแรก มาจอดนอนเล่น ๆ รอว่าวันไหนเครื่องหลักเจ๋ง ข้าจะได้ตื่นขึ้นมาทำงานสักที
- ถ้าเป็นมือเก๋า, เริ่มเทิร์นโปรสู่ขั้นเทพ .. คงบอกว่าไม่เป็นไร ผมทำ Clustering ไว้แล้ว เครื่อง Active เจ๋ง ปุ๊บ เครื่อง Standby รับงานต่อทันที ... คนใช้อาจรู้สึกว่าระบบมันหน่วงไปแป๊บหนึ่ง แต่เดี่ยวชีวิตก็กลับมาปกติตามเดิม แต่ ... นั่นหมายความว่าเราต้องเปลืองค่าไฟในเปิดเครื่อง standby ทิ้งไว้รอจนกว่าเครื่อง active ล่ม
- แต่ชีวิตของผมก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อมาคบกับ VMWare ทั้งรพ.ผมมี Server แค่ 2 ตัวทำงานร่วมกันโดยใช้ VMotion จากเดิมที่เคยต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์เป็นฟาร์ม ทุกวันนี้ผมก็เหลือแค่ 2 ตัว เอาเงินไปซื้อ storage ก็ได้, เวลาถ้าดวงซวย native server เครื่องหนึ่งมันเกิดเจ๋ง ระบบผมก็ไม่เจ๋งไปทันที ... แค่นี้ก็ไม่โดนคนใช้สวดให้พรเหมือนเดิมอีกแล้วครับ

150
ต่อนะครับ
การที่ถามว่า แล้วจะมีเครื่องลูก Access ได้กี่เครื่อง และยัดฐานข้อมูลได้มากน้อยเพียงใด ... ตอบได้เลยครับว่าให้ connect พร้อมกันสักพันก็ได้อยู่ที่การออกแบบ Network I/O และจะยัดฐานข้อมูลเข้าไปได้มากน้อยก็แปรตาม OS กะ DMBS ที่คุณ leonet เลือกใช้

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 12