แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - กรรมกรไอที

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
101
นอกเรื่อง / Teach Yourself Android Application Development in 24 Hours
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2010, 22:36:41 PM »
ชม.นี้คงปฏิเสธ OS ที่มีชื่อ Android ไม่ได้ครับ ทั้งโทรศัพท์, Tablet รุ่นใหม่ ๆ ที่กำลังจะออกพร้อมกับ Android มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยเอาหนังสือสอนเขียน App สำหรับ Android มาแนะนำ สอนเขียนโดยใช้เครื่องมือ Java Eclipse, Java SDK, และ Android SDK เผื่อใครสนใจ ...

http://hotfile.com/dl/59548848/cef1c5c/Teach_Yourself_Android_Application_Development_in_24_Hours.pdf.html

102
นอกเรื่อง / MSDN Magazine 07/10
« เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2010, 23:51:44 PM »
นิตยสารสำหรับสาวก .NET ครับผม ...

http://rapidshare.com/files/408225742/msdn-07-2010.pdf

103
นอกเรื่อง / 50 โรคที่หัวหน้าชอบเป็น
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 21:09:20 PM »
ได้รับ FWD มาจากน้องคนหนึ่ง อ่านแล้วขำดี ใครที่รู้ตัวยกมือขึ้นครับ  ;D

50 โรคของหัวหน้า (ใครไม่รู้) ^_^

โรคที่ 1 : โรคทำงานไร้เป้าหมาย
โรคที่ 2 : โรคสั่งงานแบบไร้สติ
โรคที่ 3 : โรคทองไม่รู้ร้อน
โรคที่ 4 : โรคชอบให้ทุกคนมีนิสัย (ประหลาด) เหมือนตัวเอง
โรคที่ 5 : โรคชอบพูดว่า ประตูห้องของผมเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นเสมอ
             (แต่..ผมไม่เคยเปิดประตูเลย)   
โรคที่ 6 : โรคชีวิตนี้ (ตู) มีแต่งาน งาน งาน
โรคที่ 7 : โรคเพื่อนเราชอบเผาเรือน
โรคที่ 8 : โรคชอบใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษหรูๆ
โรคที่ 9 : โรคทำตัวไร้ตัวตน
โรคที่ 10 : โรคผู้บังคับบัญชานาซี
โรคที่ 11 : โรคไม่มีปัญหาครับท่าน
โรคที่ 12 : โรคเสมือนจริงใจ
โรคที่ 13 : โรครู้ไปหมดซะทุกเรื่อง
โรคที่ 14 : โรคทำงาน (ลึก) ลับอะไรไม่รู้
โรคที่ 15 : โรค "เลื่อนขั้นเหรอ" ชาติหน้าบ่ายๆ
โรคที่ 16 : โรคตัดสินใจ ทำไมยากจัง!
โรคที่ 17 : โรคแค้นฝังหุ่น (จำไม่ได้..แมร่งใช้จดเ! ! ลยอะ)
โรคที่ 18 : โรคหวงก้างไว้ทำเกลือหรือไง?
โรคที่ 19 : โรคคลั่งไคล้การประชุม (บ้าหรือปล่าว?)
โรคที่ 20 : โรคมีลูกน้องเหมือนจะฉลาด
โรคที่ 21 : โรคชอบชมลูกน้องจัง! (แต่ลับหลังคนอื่นฮ่ะ!)
โรคที่ 22 : โรคดีเป็นของตัว ชั่วเป็นของคนอื่น (ลูกน้อง!)
โรคที่ 23 : โรคชอบแทงข้างหลังคนอื่น (น่ากลัวจังเลยฮ่ะ!)
โรคที่ 24 : โรคจุ้นจ้านไปหมดทุกเรื่อง (คุณคิดว่าคุณเป็นใครหรอ?)
โรคที่ 25 : โรคชอบเล่าเรื่องโจ๊ก (แต่มันไม่ค่อยตลกเลย..เจ้านาย!)
โรคที่ 26 : โรคเดี่ยวไมโครโฟน (บ้าน้ำลายจริงๆ จ๊ะ!)
โรคที่ 27 : โรคฉันชอบประชุมตอนเช้า ใครจะทำไม?
              (ก็ตรูว่างคนเดียวอะ..คนอื่นชั่งมัน)
โรคที่ 28 : โรคไม่ชอบประชุมเอาซะเลยกับเจ้านาย)
โรคที่ 29 : โรค เก่งคนเดียว คิดคนเดียว
              (แต่ตอนลงมือทำ.พี่ฝากด้วยนะ เก็บโน็ตบุคเดินกลับบ้าน)
โรคที่ 30 : โรคลูกน้องทะเลาะกันเหรอ? ฉันไม่สนใจหรอกย่ะ
โรคที่ 31 : โรคมีลูกน้องที่คิดว่า ตัวเองเป็น Superman
โรคที่ 32 : โรคข้าพเจ้าถูก! ! แต่เพียงผู้เดียว (เก่งไม่ทำเองอะ)
โรคที่ 33 : โรคชอบมีไอเดียใหม่ หลังลูกน้องทำงานเสร็จ
โรคที่ 34 : โรคนั่งอ่านเมล์ยังไม่ทันจบแล้ว FW. ให้เราไปทำ
               (อ้าวไม่ใช่งานตรู.....นิหว่า)
โรคที่ 35 : โรคลดขนาดองค์การเหรอ? อืม ตัวใครตัวมัน
โรคที่ 36 : โรคพนักงานชั่วคราวเหรอ เมินซะเถอะ!
โรคที่ 37 : โรคไม่เคยติดตามการทำงานของลูกน้อง
โรคที่ 38 : โรคเตรียมพร้อมแปลว่าอะไร (ไม่รู้จักจริงๆ น่ะ!)
โรคที่ 39 : โรคจมกองเอกสารแต่...งานไม่คืบหน้าไปไหน
โรคที่ 40 : โรคหวงโอที ( ตัวเองแอบมาทำ..อิ..อิ อันนี้เรื่องจริง)
โรคที่ 41 : โรค "คุณภาพ" เหรอ? อืม! แปลว่าอะไรล่ะ....
               (อ๋อ รีบๆทำพรุ่งนี้จะ Present เจ้านาย)
โรคที่ 42 : โรคจำลูกน้องคนโปรดได้คนเดียว!
โรคที่ 43 : โรคประเมินผลงานด้วยวิธีที่ฉลาดน้อยที่สุด...
               (พิจารณ! ! าจากพรรคพวกตัวเองเป็นหลัก)
โรคที่ 44 : โรคชอบสะสม " ระเบิดเวลา"..
              (รับมาวันอังคาร..แม่งดองไว้สั่งเราวันศุกร์เย็นบอกขอวันจันทร์เช้า..
              บ้าป่าววะ)
โรคที่ 45 : โรคนั่งจับผิดลูกน้อง
              (เมื่อวานเข้าห้องน้ำ 3 ครั้ง นั่งหาว 2 ครั้ง ตดครั้งนึง เป็นต้น)
โรคที 46 : โรคปฏิเสธใครไม่เป็น
              (รับทุกเรื่อง...แล้วมาโยนให้ตรูทำ)
โรคที่ 47 : โรคปกครองระบบทาส
โรคที่ 48 : โรคทำตัวเครียดทั้งวัน (นั่งถอนหายใจ..เฮ้อ)
โรคที่ 49 : โรคมนุษย์ผู้สมบูรณ์แบบ (ตลอดกาล!)
โรคที่ 50 : โรคมนุษย์เจ้าปัญหา (ทุกเรื่อง )

 
 

104
นอกเรื่อง / GPF MV
« เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2010, 13:45:21 PM »
ไม่รู้มีใครเคยดูไหม เป็น MV ของชาว GPF (กบข) ไปเจอบน youtube เห็นแล้วก็ขำดี ไอเดียบรรเจิด เลยเอามาแบ่งกันดู

http://www.youtube.com/watch?v=UIOD3qXFfc4
http://www.youtube.com/watch?v=Z0l8igQfzhU
http://www.youtube.com/watch?v=ta4Cnz7eIwY
http://www.youtube.com/watch?v=MXONpAEpZhA
http://www.youtube.com/watch?v=G7nQtaqmJGY
http://www.youtube.com/watch?v=_M5X3n1xRpQ
http://www.youtube.com/watch?v=fx1hD65fGHM

105
นอกเรื่อง / e-office ราคาคนไทย
« เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2010, 00:52:18 AM »
พอดีรับคำสั่งจากผู้อำนวยการให้ไปหาระบบ e-office มาเสนอ ผมเองก็ไปหามาหลายเจ้าทั้งเสียเงินและไม่เสียเงิน จนมาเจอเจ้านี้ ชื่อว่า crypbot e-office (www.eofficeservice.com) ที่อยากเอามาเล่าให้ฟัง ไม่ได้มาเป็นนายหน้าขายของให้เขา แต่เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก วันนี้จึงได้เชิญตัวแทนจากบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์มานำเสนอที่รพ.ต่อหน้าผู้อำนวยการ ซึ่งยอมรับครับ ว่าเป็นระบบงานสารบรรณที่ครบวงจรจริง ๆ ความสามารถเหลือรับประทานในราคาไม่แพงอย่างที่คิด ราคารู้สึกจะเริ่มที่ 40000 ไปจบที่ 90000 ซึ่งได้ดูฟีเจอร์แล้วถือว่าถูกมาก เพราะบริษัทเขาพัฒนาให้ระบบมันรองรับตามระเบียบและกฏหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตอนที่เขามานำเสนอ เขานำตัวอย่างของลูกค้าที่ใช้งานจริงมาให้ดู ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการเหมือนกัน ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนมาก เลยอยากเอามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อเป็นแนวทางใครที่กำลังอยากหาระบบ e-office มาใช้ในรพ. ลองดูรายละเอียดในเว็บของเขาดู และถ้าคิดว่าราคาที่เขาเสนอมาไม่แพงเกินไป ผมว่าก็น่าสนใจนะครับ  ....

106
ไม่รู้ว่ามีที่ไหนเคยทำการรวมประมูลจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไหมครับ? เรื่องของเรื่องคือผมได้มีโอกาสคุยกับผู้จัดการผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหนึ่งถึงรูปแบบการตลาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ทำให้ผมนึกถึงรูปแบบการจัดจำหน่ายยาในกลุ่มโรงพยาบาลของรัฐ ที่จะมีการประมูลจัดซื้อรวมกันทั้งจังหวัดหรือทั้งเขต .... คำถามก็เกิดว่าทำไมครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ ถ้าซื้อจากส่วนกลางก็มีเรื่อง .... (ไม่ขอพูดนะครับ คิดดูกันเอง) แต่ผมเองก็คิดอยากซื้อผลิตภัณฑ์ดี ๆ ในราคาที่ถูก ผมเคยคุยกับอาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีบางมด อาจารย์คนนี้เคยบอกถึงการต่อรองราคาลิขสิทธิ์โปรแกรมแอนตี้ไวรัส แกเคยบอกว่าของแกซื้อที่ละพัน lic สามารถต่อรองราคามาอยู่ประมาณสี่ร้อยบาท จากราคาที่เราซื้อกัน lic ละเกือบพันบาท ถึงจุดนี้ผมเองก็เริ่มคิดว่าเออ ไหน ๆ เราก็ต้องซื้อ ทำไมเราไม่รวมกันซื้อบ้าง รวมกันทั้งจังหวัด ทำสัญญาซื้อกันแบบ global บ้าง ผมมองว่าการประมูลไม่ใช่ที่สุดของการดัมพ์ราคา เพราะจากประสบการณ์ที่เห็นมา ของชิ้นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ประมูลสองงาน งานหนึ่งซื้อสองร้อยชิ้น งานหนึ่งซื้อพันชิ้น ราคาต่างกันหลายตังส์พอดู ผมถึงคิดว่าทำไมเราไม่มาร่วมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน อาจจะเซ็นบันทึกความตกลงร่วมกันในการจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ร่วมกัน แล้วมาตกลงร่วมกันว่าเราต้องการอะไร ใครมีผลิตภัณฑ์ไหนในใจ มาคุยถึงข้อดีข้อเสีย แล้วหาตรงกลาง เปิดประมูลต่อรองร่วมกัน แล้วไปทำเรื่องซื้อต่อในรพ.ของตนเอง  ไม่รู้ว่ากลุ่ม admin ในนี้ใครเห็นด้วยกับหลักการของผมหรือไม่ ถ้าใครเห็นด้วย หรืออยากทำร่วมกัน ลองมาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมเชื่อแน่ว่าถ้าเราร่วมกันจริง เราคงเห็นราคา Trend Micro Ent Security , Symantec Endpoint หรือ Kaspersky OpenSpace Security ในราคา =< 500บาท / lic แน่นอน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่มีปริมาณตั้งแต่หลัก 1000 lic ขึ้นไป ใครมีความคิดเห็นอย่างไรลองเสนอมาแล้วกันครับ

107
นอกเรื่อง / Photosynth
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2010, 23:43:55 PM »
วันนี้เข้าไปบนเว็บไซด์ของ MS ได้พบกับ Service ตัวใหม่ของ MS ซึ่งมีชื่อว่า PhotoSynth (www.photosynth.com) บริการนี้เป็นบริการที่นำภาพถ่ายของเรามาปะติดต่อกันจนกลายเป็นรูป 360 องศา โดยทางเว็บไซด์จะมีโปรแกรมให้เราดาวน์โหลดมาติดตั้งบนเครื่องของเราชื่อว่า Photosynth เพื่อให้เราใช้อัพโหลดภาพถ่ายสถานที่ซึ่งเราไปถ่ายมา ว่าง ๆ จะทดลองทำบ้าง สมาชิกคนไหนสนใจลองเข้าไปทดสอบดูครับ ดูไปดูมาก็สนุกดีเหมือนกัน

108
ไปเจอมาครับ อ่านแล้วน่าสนใจดี เลยเอามาฝาก เผื่อใครสนใจอยากจะเช่ามาลงที่รพ. ราคาถูกกว่าเช่า lease line พอควรครับ

109
พอดีเข้าไปบนเว็บ msdn ไปเจอ IDE ตัวนี้ ตอนแรกอ่านชื่อก็แปลก ๆ ก็นึกว่าเป็นภาษา Basic .NET เวอร์ชั่นไหน พอเข้ามาอ่านรายละเอียด อืมมม น่าสนใจครับ เป็นการปูพื้นฐานการหัดเขียนโปรแกรมให้เด็ก ๆ แบบไม่น่าเบื่อ ชนิดว่าเด็กอายุสัก 10 ปีก็สามารถเขียนโปรแกรมแบบเด็ก ๆ ได้ ใครสนใจลองเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ http://msdn.microsoft.com/en-us/beginner/ff384126.aspx

110
นอกเรื่อง / VB.NET 2010 สำหรับมือใหม่ (จริง ๆ)
« เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2010, 01:07:55 AM »
เอาหนังสือมาฝากหนึ่งเล่ม "Teach Youselft Visual Basic 2010 in 24 hours" มาฝากครับ เหตุเพราะเห็นว่าเป็นหนังสือที่ดีและสอนแบบง่าย ๆ ได้เข้าใจมาก สำหรับมือใหม่จริง ๆ ใครที่อยากหัดเขียน VB.NET 2010 รับรองถ้าอ่านรู้เรื่อง (เพราะเป็นภาษาอังกฤษครับ  ;D ) รับรองเขียนโปรแกรมด้วย VB.NET 2010 เป็นแน่นอน 100% ครับ

http://rapidshare.com/files/404736469/Teach_Yourself_Visual_Basic_2010_in_24_Hours.pdf
url นี้เห็นบอกว่าจะ dl ได้แค่ 10 ครั้ง เพราะผมไม่ได้เป็นสมาชิกเขา ถ้าใคร dl ไม่ได้ก็ไปเอาอีกที่หนึ่งครับ
http://hotfile.com/dl/52347678/e3e5a23/Teach_Yourself_Visual_Basic_2010_in_24_Hours.pdf.html

ส่วนใครอยากหัดเขียนจริง ๆ ไป dl เวอร์ชั่น express มาก่อนก็ได้ครับ ก่อนจะหาตัวจริงมาใช้
http://www.microsoft.com/express/downloads/

111
นอกเรื่อง / Kaspersky 2011 Now Available!!!
« เมื่อ: มิถุนายน 27, 2010, 21:09:41 PM »
มิตรรักแฟนเพลงของพี่คาสเปอร์รับทราบโดยทั่วกัน ขณะนี้พี่คาสเปอร์ได้ปล่อย Kaspersky เวอร์ชั่นใหม่ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วครับ ทั้ง Kaspersky Antivirus, Kaspersky Internet Security, และล่าสุด kaspersky Pure ซึ่งเพิ่มเครื่องมือจัดการไฟล์ เช่น shader, disk clean มาด้วยครับ สำหรับ KIS นี้มีฟีเจอร์ใหม่เข้ามาเพิ่มทั้ง gadget , และยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจสอบไฟล์ที่เร็วและดีขึ้น มิตรรักแฟนเพลงของพี่คาสเปอร์เชิญเลยครับที่ www.kaspersky.com ส่วนใครที่ใช้ของแท้ ก็สามารถเอาคีย์จาก 2010 มา activate ใช้ต่อได้นะครับ

112
นอกเรื่อง / หนังดีที่อยากให้ดู : Extraordinary Meassure
« เมื่อ: มิถุนายน 26, 2010, 15:04:40 PM »
Extraordinary Meassure
( http://extraordinarymeasuresthemovie.com , http://en.wikipedia.org/wiki/Extraordinary_Measures)
ภาพยนต์ที่สร้างอิงจากเรื่องจริง เรื่องราวของจอห์น คราวลี่ย์ (เบรเดน เฟรเซอร์) คุณพ่อที่กำลังรุ่งกับหน้าที่การงาน แต่ต้องยอมสละทุกอย่าง เพื่อหาทางรักษาลูกชายและลูกสาว แพรททริค และ มอร์แกน ซึ่งป่วยด้วยโรคปอมเป (Pompe's Disease; Glycogen storage disease type II; http://en.wikipedia.org/wiki/Pompe%27s_disease ) ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเอ็มไซด์ acid alpha glucosidase ซึ่งใช้ย่อยสลายน้ำตาลในเซลล์กล้ามเนื้อ, เซลล์ประสาท , หรือเซลล์อวัยวะภายในทั่วร่างกาย จนทำเกิดการสะสมของ glucogen ภายใน lysosome ซึ่งส่งผลทำให้เกิดผิดปกติของการทำงานของกล้ามเนื้อ, เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง, หรืออวัยวะภายในไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จนได้มากับนพ.โรเบิร์ต สโตนฮิลล์ (แฮริสัน ฟอร์ด) ผู้ซึ่งทำการค้นคว้าแนวทางการรักษาโรคดังกล่าวได้สำเร็จ แต่ยังไม่เคยหาวิธีการนำไปสู่การผลิตเป็นยารักษาโรคได้จริง ทั้งสองตกลงทีจะร่วมกันพัฒนายารักษาโรคปอมเปร่วมกัน แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องเงินทุนซึ่งต้องอาศัยนายทุนบริษัทยา และต้องเจอกับเงื่อนไขทางการค้าต่าง ๆ จนเกือบทำให้โครงการล่ม จนในที่สุดก็ได้พบกับยาที่สามารถรักษาโรคดังกล่าวได้
เหตุที่เอามาเล่าสู่กันฟัง และอยากแนะนำให้สมาชิกลองไปหาดู ผมว่าเรื่องนี้เป็นหนังดีที่น่าดูเรื่องหนึ่ง ซึ่งดูแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Lorenzo's Oil , นอกจากนี้ก็ทำให้นึกถึงคุณวอลเตอร์ ลี ซึ่งพยายามหาทางรักษาความพิการของลูก ซึ่งพอผมคิดถึงเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้น ทำให้เกิดคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเป็นเรา เราจะสามารถช่วยเหลือลูกของเราได้มากน้อยแค่ไหน รู้ว่าก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น .... 

114
นอกเรื่อง / CentOS Bible
« เมื่อ: มิถุนายน 18, 2010, 11:35:41 AM »

115
นอกเรื่อง / 10 Technologies Trend for 2010
« เมื่อ: มิถุนายน 09, 2010, 02:07:10 AM »
ผ่านปี 2010 มาครึ่งปีแล้ว คงมาช้าที่จะเอามาเล่านะครับ อย่างน้อยจะได้เห็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่มาแล้วหรือกำลัง คือ เมื่อปลายปีที่แล้ว Gartner ก็ได้ประกาศ 10 เทคโนโลยีที่จะร้อนแรงเป็นกระแสของปีนี้ ปี 2010 ซึ่งเมื่อเดือนก่อนผมพูดไปอยู่หนึ่งตัวคือ Business Intelligence Tools หรือ BI Tools ซึงก็เป็นอีกกระแสที่เริ่มเป็นที่ยอมรับในองค์กรมากขึ้น จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ MS ทั้ง SQL Server 2008R2 และ Microsoft Office 2010 จะชูจุดเด่นเรื่องของ BI Tools มาก เมื่อพิจารณา Microsoft Office 2010 แล้ว จุดเด่นหรือจุดขายของเวอร์ชั่นนี้ คือ advance pivottable ซึ่งมีอยู่ใน excel 2010 และจุดขายอีกจุดหนึ่งคือ Office Live 1.4 ตอนนี้ก็ออก 1.5 ออกมาแล้วซึ่งเจ้า Office Live นี้ก็เป็นอีกกระแสหนึ่ง คือ เรื่องของ Cloud Computing ที่มาในรูปแบบของ SAAS นอกนั้น office 2010 ก็ไม่มีอะไรใหม่หรือเด่นไปกว่า 2007 เลยในมุมมองของผมนะครับ โอเคเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ
1. Cloud Computing คงไม่ต้องอธิบายกันมากเกี่ยวกับความหมายของ Cloud Computing นะครับ แต่ผมจะขอยกตัวอย่าง Cloud Computing ที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเราเลย ก็คือ Google, MSN เหล่านี้ล้วนแต่เป็น SAAS ซึ่งให้บริการในรูปแบบของ Cloud Computing ทำให้เราสามารถใช้บริการต่าง ๆ เช่น Google Map, Google Translate, Google Search, GMail ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในขณะเดียวกัน เรายังสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อเชื่อมต่อบริการเหล่านี้ได้ นอกจากพวกบริการที่ฟรี (จริงหรือเปล่า) แล้ว ยังมีบริการแบบเสียเงิน เช่น บริการเซิร์ฟเวอร์ email ให้องค์กร โดยที่องค์กรไม่จำเป็นต้องลงทุนวาง mail server ไว้ที่ตัวเองเลยเป็นต้น และนอกจากจะพูดเรื่องของบริการซอฟท์แวร์แล้ว บริการฮาร์ดแวร์ก็มีเหมือนกันครับ เช่น การบริการเซิร์ฟเวอร์สำหรับการประมวลผล ซึ่งในปัจจุบันการให้บริการในลักษณะ Grip Computing เริ่มมีมากขึ้น เราไม่จำเป็นต้องมี server เป็นจำนวนมาก เราอาจติดตั้งระบบเซิร์ฟเวอร์ให้พอใช้ แล้วหันไปใช้บริการเช่าบนเครือข่ายในเฉพาะช่วงเวลาที่เกิดความต้องการสูง ๆ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Cloud Computing ทั้งนั้น

2.Advance Analytic ในอดีตการวิเคราะห์ข้อมูลมักจะเป็นทำแบบสองมิติ แต่ในปัจจุบันด้วยเครื่องมือที่เราเรียกว่า Business Intelligence Tools (BI Tools) ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลมองได้หลายมิติมากยิ่งขึ้น บางเจ้ายังเคลมว่าผลิตภัณฑ์ของตนเองทำให้ผู้ใช้สามารถผูกแหล่งข้อมูลได้มากกว่าหนึ่ง และสามารถสร้างการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ scenario ได้ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ครับ มีใครเคยคิดจะจับ Google Map ,ข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในกลุ่มโรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป ในเขตและนอกเขตพื้นที่ให้บริการของโรงพยาบาลมาทำการวิเคราะห์และหารูปแบบการกระจายของโรคบ้าง ... นี้แหละครับ คือสิ่งที่หลาย ๆ องค์กรในปัจจุบันเริ่มทำมากขึ้น มันทำให้เรารู้ว่าองค์กรของเราจะมีทิศทางการดำเนินการไปทางไหนได้ชัดเจนมากขึ้น .... ใครที่ดู BI Tools ที่มาพร้อมกับ excel 2010 จะไม่สามารถทำลักษณะที่เป็น scenario ที่ซับซ้อนไม่ได้นะครับ ถ้าใครอยากทำจริง ๆ อาจต้องเสียเงินไปซื้อพวก IBM Cognos, Oracle Hyperion เป็นต้นครับ

3. Client Computing คำ ๆ มันเป็นนามธรรมนะครับ ... จริง ๆ มันเป็นแนวคิดของการจัดการ client ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรต่าง ๆ เริ่มคำนึงถึงในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวาง roadmap ขององค์กรตัวเอง

4. IT for Green อันนี้ไม่ต้องขยายความกันมากเลยครับ ... เพือโลกของเรา เทคโนโลยีปัจจุบันจำเป็นต้องมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้พลังงานประหยัดมากขึ้น, ใช้อุปกรณ์ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้มาขึ้น หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้น หรือการลดการใช้อุปกรณ์ที่สลับซับซ้อนมากขึ้น จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็พยายามจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีสีเขียวมากขึ้นครับ เช่น อีกหน่อยเราคงมอง server แบบ blade มากขึ้น หรือก่อนตัดสินใจจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ คงมีการตรวจสอบมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น RoSH เป็นต้น

5.Data Center ที่ทันสมัยและฉลาดขึ้น สมัยก่อนเวลาพูดถึงห้องเซิร์ฟเวอร์เรามักไม่ค่อยให้ความสำคัญมากเท่า ดังนั้นการออกแบบและติดตั้งห้องเซิร์ฟเวอร์หรือห้องดาต้นเซ็นเตอร์จึงเป็นแบบง่าย ๆ แต่ในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องดาต้าเซ็นเตอร์มากขึ้น เพราะทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าห้องดาต้าเซ็นเตอร์ของทุกองค์กร กลายเป็นห้องที่สำคัญ และเป็นเครื่องยนต์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมขององค์กรนั้น ดั่งจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีของห้องเซิร์ฟเวอร์หรือห้องดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ ๆ ออกมาเยอะครับ เช่นระบบทำความเย็นซึ่งติดตั้งภายในตู้แร็ค, หรือระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ  ลองสำรวจดูที่รพ.ของเราซิครับว่า เราให้ความสำคัญของห้องนี้มากแค่ไหน

6.Social Computing พูดถึงคำนี้หลายคนอาจงงนะครับ แต่ถ้าพูดว่า Social Networking หรือ Social Web คงพอจะร้องอ๋อนะครับ .. หรือถ้ายังถึงบางอ้อ ก็ขอให้นึกถึง Hi5, Facebook, Twitter ครับ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Social Computing อื่น ๆ ก็ให้นึกถึงบริการ messaging ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น MSN, GoogleTalk, BB, OviMessaging อะไรพวกนี้ครับ ... วันนี้ผมได้มีโอกาสคุยกับ presale ของ IBM ผมก็ยกกรณีศึกษาว่าทุกวันนี้เทคโนโลยี Social Computing เข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามาก ๆๆๆ จนผมมองว่ามันเริ่มจะมากเกินไปแล้วครับ presale ของ IBM คนนี้ก็พูดว่า เพราะเทคโนโลยี social computing มันเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นของมนุษย์ และมันก็ทำให้มนุษย์ยกระดับความอีเดียตของตัวเองเข้าสู่ระดับ 3 ฟังแล้วก็ขำดีนะครับ แกก็บอกว่าระดับที่ 1 คือ pager สมัยก่อน แกเรียกว่าเครื่องเรียกทาส ฟังแล้วก็ขำดีครับ เพราะมันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องรีบวิ่งหาโทรศัพท์เมื่อเห็นเจ้า pager ดัง ต่อมาระดับที่ 2 คือ โทรศัพท์มือถือ ... สิ่งที่ได้เห็นคือ นึกอะไรไม่ออกก็โทรศัพท์ .. และปัจจุบันระดับที่ 3 จะขี้จะเยี่ยวก็ต้องโพสลงไปใน Facebook เพราะเดียวจะดูไม่มีกิจกรรม หรือวัยรุ่นในบางประเทศ (หรือแม้แต่ในบ้านเราเอง) นั่งอยู่ต่อหน้ากันกลับไม่คุยกัน แต่อาศัยคุยกันผ่านระบบ Chat ผมเองก็มองว่า Social Computing มันทำให้เราหมดสิ้นความเป็นส่วนบุคคลจริง ๆ และก็มีการทำนายว่าในอนาคตระบบ Social Computing จะเข้ามาแทนที่อีเมล์ .. คนจะส่งข้อมูลต่าง ๆ ผ่านระบบนี้มากขึ้นแทนที่จะส่งผ่านอี่เมล์ ซึ่งมันก็จริงนะครับ จะเห็นได้ว่าทิศทางของ MS, IBM เริ่มจะลดการพัฒนาระบบอีเมล์ แต่ไปให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารแบบอื่นที่เป็นเรื่องของการ collaborate มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าตอนนี้ MS เองก็หันมาให้ความสำคัญกับ Sharepoint มากยิ่งขึ้น

7.Flash Memory สื่อบันทึกแห่งอนาคตครับ ทำงานเร็วกว่า, เงียบกว่า, กินไฟน้อยกว่า, และเสียยากกว่า เมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ จึงไม่ต้องแปลกใจครับหาก NB ในอีกสักสองสามปีขัางหน้าจะใช้ SSD แทน HD ครับ

8.Virutallization for Availability ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณครับ .. รู้จักกันดี

9.Mobile Application ก็คงปฏิเสธไม่ได้ครับ มาปีสองปีให้หลังนี้โทรศัพท์มือถือจำพวก smartphone เข้ามามีบทบาทมาก และสิ่งที่สำคัญคือ Application ที่อยู่ในโทรศัพท์เหล่านั้นที่นับวันก็ยิ่งทวีทั้งจำนวน, ความสามารถและความสำคัญมากยิ่งขึ้น

10.Security and Monitoring ก็ด้วยความต้องการท้าทายของมนุษย์อีกแหละครับที่อยากลองของ และในปัจจุบันข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญ ระบบรักษาความปลอดภัยจึงมีความสำคัญไม่แพ้กัน และอีกเหตุผลหนึ่ง เมื่อการสร้างเครือข่ายในปัจจุบันมันไม่มีขอบเขต คือโลกกลายเป็นโลกาภิวัฒน์มากเท่าไร เราก็ยิ่งสามารถที่จะแฮคระบบของคนอื่นได้มากขึ้นเท่านั้น นั้นเป็นเหตุผลที่ระบบรักษาความปลอดภัยก็จะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในอนาคต

และนี้คือ 10 กระแสเทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2010 และจะยังคงแรงต่อไปเรื่อย ๆ ในปีถัด ๆ ไป เราในฐานะที่เป็นคนไอที ต้องรู้จักและเรียนรู้เอาไว้ครับ เพราะเป็นสิ่งที่พวกเราไม่สามารถปฏิเสธได้ ถ้าตราบยังอยากอยู่ในวงการนี้อยู่
ปล.ได้ข่าวว่าอนาคต MySQL จะไม่ฟรีแล้ว จริงหรือเปล่ามีใครช่วยตอบได้บ้างครับ .. แต่พอเชื่อได้นะครับเพราะตอนนี้ MySQL ไปอยู่ในมือ Oracle แล้ว และปกติ Oracle ก็ไม่เคยทำอะไรฟรีอยู่ ...
ตีสองกว่าแล้วครับ ไปนอนแล้วดีกว่า

116
10 ทิป ที่ทำให้ Windows 7 ง่ายกว่าที่คิด เป็นบทความจาก PC Mag ฉบับเดือนมิถุนายน อ่านแล้วน่าสนใจครับ เลยเอามาฝาก
ทิป 1
การใช้ Keyboard Shortcuts
- Ctrl + Alt  + Arrow Key (Left/Right/Up/Down) : เปลี่ยนแนวการแสดงภาพ
- Alt + P : เปิด/ปิด pane สำหรับแสดงตัวอย่างไฟล์
- Windows + G : แสดง Gadget อยู่เหนือทุก ๆ Windows
- Windows + + (ปุ่ม +) : เปิดฟังก์ชั่น zoom in
- Windows + - (ปุ่ม -) : เปิดฟังก์ชั่น zoom out
- Windows + ปุ่ม Up : Maximize Active Windows
- Windows + ปุ่ม Down : Minimize Active Windows (แต่ต้องอยู่ในสถานะ Float Windows นะครับ)
- Windows + Left/Right : การ snap Active Windows ชิดซ้ายหรือขวา
- Alt + Tab : การเปลี่ยน Windows ต่าง ๆ
- Windows + Tab : 3D Flip แบบไม่ค้าง ต้องกดหมุนไปเรื่อย ๆ
- Windows + Ctrl + Tab : 3D Flip แบบค้าง แล้วใช้ปุ่ม up/down หรือ scroll ที่เมาส์หมุนไปเรื่อย ๆ
จริง ๆ ยังมี shortcut อีกเยอะเลยครับ ลองทดลองดูนะครับ

ทิป 2 การสร้าง shortcut สำหรับโปรแกรมโปรด
เราสามารถสร้าง shortcut สำหรับโปรแกรมโปรด หรือโปรแกรมที่เราใช้ประจำ โดยการคลิกขวาที่ไอคอนโปรแกรมที่เราต้องการสร้าง > เลือก properites > วางเคอร์เซอร์ไว้ที่ shortcut key textbox > กดปุ่มที่เราต้องการ > จะปรากฏ Ctrl + Alt + ปุ่มที่เราต้องการใช้  เช่น Ctrl + Alt + W ผมเซ็ตไว้สำหรับ Microsoft Word ดังนั้นการใช้งานผมแค่กดปุ่ม Ctrl + Alt + W แค่นี้ Microsoft Word ก็จะเปิดขึ้นมาง่าย ๆ ครับ

ทิป 3 การใช้ Jump List
Jump List เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 7 ซึ่งช่วยให้เราเปิดโปรแกรมและไฟล์งานของโปรแกรมนั้นได้ง่ายมาก ๆ ผมชอบฟีเจอร์นี้มาก แค่คลิกขวา ก็เปิดอะไรได้ง่ายขึ้น

ทิป 4 การทำความสะอาดหน้าจอของคุณ
ไม่ใช่การน้ำล้างหรือเอาผ้าถูนะครับ :D ผมกำลังพูดถึงฟีเจอร์ตัวใหม่ใน Windows 7 ที่มีชื่อว่า Aero Shake ซึ่งใช้ minimize หน้าจอของทุก windows ออกยกเว้น active windows วิธีการคือแค่ drag เมาส์ปุ่มซ้ายค้างไว้บน windows ที่เราต้องการให้อยู่ แล้วเขย่าซ้ายขวาสองสามที่ windows อื่น ๆ ก็จะ minimize ไปยกเว้น windows ที่ active อยู่เท่านั้น

ทิป 5 Aero Peek
ต่อจากข้อ 4 ครับ Aero Peek ก็เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 7 ให้สังเกตที่ปุ่มข้างนาฬิกาตรงมุมขวาล่างครับ แค่เอาเคอร์เซอร์ไปวางเหนือปุ่มดังกล่าวจะเป็นการ show desktop แต่แบบชั่วคราวนะครับ พอเอาเคอร์เซอร์ออกก็กลับสู่ภาวะปกติ แต่ถ้ากดปุ่มดังกล่าวจะเท่ากับกดปุ่ม show desktop ในเวอร์ชั่นก่อน

ทิป 6 ค้นหาเว็บจากหน้าจอของคุณ
การฝึกการใช้ windows search engine ครับ ซึ่งถ้าพูดกันแบบละเอียดมันจะยาวครับ ลองสังเกตช่องค้นหาบนมุมขวาบนแล้วกันครับ

ทิป 7 เร่งความเร็วของการโหลด IE8
โดยการปิด add-on ที่ไม่จำเป็น โดยเลือก Tools>Manage Add-ons แล้วไปไล่ disable addon ที่คิดว่าไม่จำเป็น ของผมปิดแทบหมดเลยครับ ยกเว้นของ KIS

ทิป 8 การปรับ Taskbar
ใน Windows 7 สามารถปรับ Taskbar รูปแบบต่าง ๆ ได้หลายแบบ ทั้งแบบเดิม ๆ ถ้าใครยังติดอยู่ หรือแบบใหม่

ทิป 9 การบันทึกข้อผิดพลาดเพื่อส่งให้ admin หรือ microsoft ทราบเพื่อการแก้ปัญหา
ใน Windows 7 มีฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า Problem Steps Recorder ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้บันทึกภาพคลิปวีดิโอหน้าจอในช่วงที่เกิดปัญหา เพื่อให้เราสามารถนำส่งให้ admin หรือ microsoft เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว วิธีการเปิดให้กด run แล้วกด psr ซึ่งเราสามารถกำหนดปลายทางที่จะเก็บได้ นอกจากนี้ก็สามารถพิมพ์ comment ลงไปก็ได้

ทิป 10 การกำหนดโฟลเดอร์ document ชนิดต่างๆ ใน startmenu
ใน Windows 7 นี้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อ Libraries ซึ่งเป็น Virtual Folder ใช่สำหรับเชื่อมโฟลเดอร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะโฟลเดอร์งานของผู้ใช้ให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น

ทิปเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เอามาฝาก หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านนะครับ

117
พอดีไปเจอจากเว็บ thaimtb.com น่าสนใจครับ เลยหยิบมาฝาก

ขี่จักรยานบางคนถามว่าไม่เห็นจะได้อะไรเลย เหนื่อยก็เหนื่อย แดดก็ร้อน จักรยานก็แพง ชุดก็แพง
เสียเวลา เอาเวลาไปทำงานดีกว่า ทำงานเหนี่อยก็ได้ออกกำลังเหมือนกัน บางคนสุขภาพก็ไม่ค่อยดี
ชวนให้ขี่จักรยาน กลับบบอกว่าไม่มีเวลาอ้างสารพัดเหตุผลที่จะไม่ทำ ทั้งที่ทุกอย่างที่ว่ามาทำเพื่อตัวเอง
เวลาไปหาหมอ หมอนัด 9 โมงเช้าไปตั้งแต่ 7โมง ตรวจเสร้จกว่าจะได้กลับบ้านก็หมดไปเกือบวัน
แบบนี้มีเวลาครับ คนอะไรไม่รักตัวเอง คอยจะพึ่งแต่คนอื่น เราต้องพึ่งตัวเองก่อน ช่วยเหลีอตัวเอง
ก่อนถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยพึ่งหมอ พึ่งโรงพยาบาล แต่ต้องสำนึกว่าต้องพึ่งพาตนเองก่อนครับ

ลองมาดูขี่จักรยานแค่1 ชม เราได้อะไรบ้าง มาดูครับ ว่าคุ้มไหมกับการเสียเวลา1ชม
ถ้าไม่คุ้มจะได้ตัดใจไม่ขี่เสียเลยครับ เริ่มต้นพิจารณาเลยครับ
-เมื่อนั่งอยู๋บนอาน กล้ามเนื้อขาทุกส่วนได้ออกกำลัง และได้สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อครับ
แขนจับที่แฮนด์กล้ามเนื้อแขนและไหล่ รวมทั้งกล้ามเนื้อที่ยึดสันหลังได้ทำงานเคลื่อนไหวตลอดเวลาครับ
คอและตาได้เคลื่อนไหวร่วมกันได้บริหารทั้งสองส่วน ระบบการทรงตัวต้องทำงานตลอดเวลาจึงได้
บริหารระบบการทรงตัวไปโดยอัตโนมัตครับ ถ้าระบบการทรงตัวไม่ดีขี่จักรยานไม่ได้ครับ เท่ากับ
เราได้ตรวจสอบระบบการทรงตัวของเราครับ
- ปอดทำงานมาก ปอดก็แข็งแรง เมื่อหายใจมาก การแลกเปลี่ยนออกซิเจนกับเลือดมากขึ้น
ทำให้ร่างกายไม่เป็นกรด เพราะเมื่อเลือดเป็นกรดเราจะป่วยครับ
-หัวใจทำงานมากขึ้น เท่ากับเราได้บริหารหัวใจให้แข็งแรงครับ แล้วยังได้สูบฉีดเลือดอย่างรวดเร็ว
ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงครับ
-การสูญเสียพลังงาน ในรูปของไกลโครเจน ทำให้เราได้เผาผลาญไขมันครับ นี่แหละคือเหตุผลที่ทำ
ให้ไขมันในหลอดเลือดลดน้อยลงครับ และยังสูญเสียคาร์โบไฮเดรตในรูปของน้ำตาล ก็เลย
ทำให้น้ำตาลในเส้นเลือดน้อยลงครับ ถ้าท่านป่วยเป็นเบาหวานการกินยาก็ลดน้อยลง
หรือบางท่านแทบไม่ต้องกินยาเลยครับ
-เมื่อเราสูญเสียพลังงาน ร่างกายก็ต้องผลิตขึ้นมาทดแทน โดยผ่านการดูดซึมจากกระเพาะอาหาร
และลำใส้เล็ก เพราะฉะนั้นกระเพาะอาหร และลำไส้ก็แข็งแรงขึ้นครับ
-เมื่อขี่จักรยานแล้วเกิดการระบายความร้อนผ่านทางเหงื่อ ทำให้ได้ขับของเสียผ่านรูขุมขน
ทำให้ภายในร่างกายเราสะอาตขึ้นครับ
-การขี่จักรยานทำให้ข้อต่อ กระดูก เส้นเอ็นได้เคลื่อนไหวครับ
-ขี่จักรยาน ไม่เกินโซน2 ก็คีอประมาณวิ่งมาราธอน เกิน 50 นาที ทำให้เกิดการหลั่งของ แอนโดฟิน
ชึ่งช่วยซ่อมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และทำให้สดชื่นครับ
-ได้รับแสงแดดในตอนเช้า และ ได้บริหารระบบหายใจ ทำให้นักขี่จักรยานไม่เป็นหวัด
หรือถ้าเป็นหวัดก็หายเลยครับ ภูมิแพ้ก็หายเช่นเดียวกันครับ
-ขี่จักรยานทำให้สมาธิดีครับ
-ขี่จักรยานทำให้รู้สึกคำว่า พอเพียง เพราะขณะปั่นจักรยานเราต้องบริหารแรงที่มีอยู่
พอรู้สึกหิว ก็มองหาของกิน ปั่นไป่เรื่อยๆ ไม่เจอร้านของกินสักที หิวก็หิว
ปั่นต่อไปอีก ก็ยิ่งหิว แรงก็หมด สิ่งที่อยากได้เวลานั้นมีอย่างเดียว คีออาหารครับ
ความพอเพียงเกิดเลยครับ เพราะคนเราที่จริงมันก็แค่นี้จริงๆครับ

ยังมีต่ออีกเยอะครับ


แต่ต้องขี่ภายใต้กฎเกณฑ์ นี้เท่านั้นครับ

ผมขอเตือนนักขี่จักรยานทางไกลทั้งต่อเนื่องติดด่อกันหลายวันหรือวันเดียวก็ตามหรือ
เพื่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับ

-ข้อแรกสำคัญที่สุด อย่าผลักดันตัวเอง ตามคนที่มีความสามารถสูงกว่าโดยเด็ดขาด
-ข้อสองเดินทางเป็นกลุ่มเอาคนที่มีความสามารถน้อยสุดมาเป็นตัวตั้ง คือเป็นตัวมาตรฐานการเดินทางครับ
-ข้อสามประชุมหารือกันก่อนออกเดินทาง ให้ทุกคนยอมรับวิธีการตามข้อสองให้ได้
-ข้อสี่ควบคุมการขี่ให้อยู่ไม่ให้เกินโซน2ของการออกกำลังกายคือประมาณ65-75%ของความสามารถสูงสุด
ของคนที่มีความสามารถน้อยที่สุดขณะนั้นครับ
-ข้อห้าห้ามขี่แบบบ้าพลังอัดแข่งกันไปเหนื่อยแล้วพัก หายเหนื่อยแล้วขี่ต่อครับ ซึ่งมีข้อเสียอย่างมากมาย
วิธีนี้ไม่สามารถนำมาขี่ทางไกลได้ครับ แม้แต่ แล้มป์ แชมป์3 สมัยก็ไม่ใช้วิธีขี่แบบนี้ครับ
-ถ้าใช้วิธีตามข้อห้า ผลเสียคือ
1. การหลั่งของกรดแลคติคอย่างรวดเร็วเพราะเข้าสู่โซนอแนโรบิค กรดนี้มีผลทำลายกล้ามเนื้อ
มีอาการดังนี้คือหลังจากหยุดพักแล้วขี่ต่อ จะปวดล้ากล้ามเนื้อทั้งๆที่มีแรงขี่ต่อ กรดนี้ร่างกายสร้าง
เป็นอัตโนมัตืเพื่อหยุดให้เราทรมานร่างกายอีกต่อไป คือคูณต้องหยุดขี่นั่นเอง
2.กรดนี้จะสะสมอยู่ในร่างกายอีก 2-3 วันซึ่งจะมีผลกับการขี่วันต่อไป ถ้ายังใช้การขี่แบบนี้อยู่
กรดก็จะหลั่งสะสมเพื่มอีก ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการขี่ ท่านก็จะมีอาการจมกรดในที่สุดครับ
3. เสี่บงต่อการทำงานของหัวใจอยู่ใน MAX HR บ่อยเกินไป หัวใจก็โต ผลเสียเฉียบพลัน
ต่อหัวใจอีกมากมาย
4. การใช้พลังงานไม่สมดุล เพราะโซนนี้เป็นโซนอแนโรบิคซึ่งใช้พลังงานจากคารโบไฮเดรต80-90%
ที่เหลือเป็นไขมัน เมี่อเชื้อเพลิงจากคาร์โบไฮเดรตหมดเราก็ล้าและหมดแรงในที่สุด
ทำให้ขาดความทนทาน ระยะทางการขี่ต่อวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าใช้การขี่โซน2ซึ่งเป็นโซนแอโรบิคร่างกายจะใช้พลังงาน ไขมัน/คาร์โบไฮเดรต 50/50 โดยประมาณ
ซึ่งทำให้การเผาผลาญหมดจด และสมดุล ทำให้ขี่ได้ทนทานและได้ระยะทางต่อวันมาก
และร่างกายไม่เสียหายครับ
5. การหลั่งอะดีนาลีน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่ หง่อม
6. เกิดการสูญเสียน้ำอย่างรุนแรง และสูญเสียเกลือแร่มากับเหงื่อซึ่งเหงื่อมีหน้าที่ระบายความร้อน
- ข้อหก ก่อนออกเดินทางดื่มน้ำให้เพียงพอ แล้วดื่มน้ำแบบจิบทุกๆ20นาที
อย่ารอจนกระหายน้ำ ถ้ามีอาการกระหายน้ำแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำแล้วครับ
ข้อระวังการขาดน้ำอย่างรุนแรง จะมีอาการ ดังนี้คือเมื่อหยุดพักเหงื่อจะออกอย่างมาก
จนโชกตัว ตัวจะเย็นอาจเกิดการช์อคหมคสติได้ครับ วัธีแก้ไขคือ นอนราบ สักพักแล้วดื่มน้ำ
อีกสักพักค่อยดื่มเกลือแร่ตาม นอนจนดีชึ้น แล้วไปพักผ่อนต่อ โดยหยุดขี่ต่อทันทีครับ
อาการที่ว่านี้ภาษาออกกำลังกายเรียกว่า เกิดอาการ BONK ครับ
ขี่แล้ววูบ ขี่แล้วหน้ามืด เป็นลม สาเหตุส่วนมากเกิดจากอาการนี้ทั้งนั้นครับ
@ ถ้าขาดน้ำแต่ไม่มากจะปวดหัวครับแล้วปวดมากด้วย แบบนี้เรียกว่า BURN ครับ บางท่าน
เข้าใจผิดนึกว่าความดันขึ้น ตกใจไปกันใหญ่ครับ

หนึ่งในความรู้ที่นักจักรยานควรรู้ จากชมรมจักรยานทางไกลนครปฐม

118
อยากรู้ว่าไปโน้มน้าวผอ.อย่างไร ... ถึงยอมให้ลงทุนครับ ... ผมกำลังหาเหตุผลชักแม่น้ำทั้งห้าอยู่

119
นอกเรื่อง / ยาแก้ไอสำหรับเชื้อ WAT
« เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2010, 09:21:40 AM »
สำหรับใครที่ติดเชื้อ WAT สายพันธุ์ KB971033 ครับ

http://hotfile.com/dl/43279733/a74414f/RemoveWAT.exe.html

ปล.ลืมบอกไป ทดสอบกับคนที่อยู่ภาค 7 แล้ว หายทุกราย  ;D

120
นอกเรื่อง / ebook : High Availability MySQL
« เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2010, 08:45:57 AM »
เจอไปมาเลยเอามาฝากครับ หนังสือที่ต้องอ่านครับ ....
http://www.sharingmatrix.com/file/4997847/HighMySQL.rar

121
นอกเรื่อง / iReport
« เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2010, 00:21:31 AM »
เดือนก่อนผมเคยพูดถึงเครื่องมือ BI ที่มีชื่อว่า Jaspersoft และหนึ่งในเครื่องมือนั้นคือ iReport ซึ่งมีหน้าที่เอาไว้ทำรายงานเหมือน Crystal report พอดีไปเจอหนังสือสอนการใช้ iReport เลยเอามาฝากครับ

http://hotfile.com/dl/42727301/efdc326/iReport_3.7.pdf.html

122
นอกเรื่อง / Microsoft SQL Server 2008 R2
« เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 09:33:01 AM »
ตอนนี้ทาง MS ได้ปล่อย MS SQL Server 2008 R2 ออกมาแล้วครับ จุดเด่นของเวอร์ชั่นนี้ก็คงเป็นการผนวกเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ DBMS หรือเครื่องไม้เครื่องเมือสำหรับการทำ DataMining เช่น Master Data Service, Streaminsight, ReportBuilder3 สิ่งที่น่าสนใจ คือ การผนวกเข้ากับ Sharepoint หรือ Excel 2010 เพื่อทำ PowerPivot Dashboard ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น สำหรับใครที่ใช้เวอร์ชั่นแรก สามารถดาวน์โหลดโปรมแกรมอัพเดทหรือโปรแกรมเสริม เช่น masterdataservice, streamlight โดยเข้าไปที่ดาวน์โหลดได้ที่หน้าเว็บ MS ครับ ผมเองก็ไปดาวน์โหลดมาแล้ว ใครสนใจลองเข้าไปรายละเอียดที่ http://www.microsoft.com/sqlserver/2008/en/us/default.aspx ..... จบข่าวครับ

123
นอกเรื่อง / มีใครใช้ Fortigate บ้างครับ
« เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2010, 17:36:45 PM »
พอดีผมมี 300A อัพเกรดเฟิร์มแวร์เป็น 4.0 คุ้น ๆ presale เคยบอกว่าจะมีฟีเจอร์บางตัวที่หายไป จำได้เรื่องเดียวคือ WAN Optimize (การทำ package compression) อย่างอื่นจำไม่ได้เลยครับ มีใครพอจะทราบบ้างไหมครับ

125
นอกเรื่อง / Business Intelligence Tools : BI Tools
« เมื่อ: เมษายน 17, 2010, 19:26:20 PM »
Business Intelligence Tools คือ ประเภทของโปรแกรมซึ่งใช้ในการทำออกแบบรายงาน, วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูล โดยการนำข้อมูลมาจาก Datawarehouse หรือ Datamart ซึ่งเป็นโปรแกรมที่เริ่มมีความต้องการในองค์กรมากขึ้น Gardner ได้ทำนายไว้ว่าภายในปี 2010 กว่า 50% ขององค์กรทั่วโลกจะต้องใช้โปรแกรมประเภทนี้อย่างแพร่หลาย
จะว่าไป เมื่อพูดถึงวงการ BI Tools ยี่ห้อที่ถือว่าเป็น Top ก็ได้แก่
1.Business Objects บอกชื่อนี้อาจไม่คุ้นนะครับ แต่ถ้าถ้าเอยชื่อ Crystal Report ทุกคนคงร้องอ๋อใช่ไหมครับ ปัจจุบันถูก SAP ซื้อไปอยุ่ในสังกัดแล้ววางระดับไว้ที่ small to mid business
2.SAP ชื่อนี้ก็คงจะคุ้นหูอีกครับ www.sap.com
3.SAS ชื่อนี้ไม่ใช่ Harddisk นะครับ แต่เป็นค่ายโปรแกรมเครื่องมือจัดการข้อมูลรายใหญ่รายหนึ่ง (www.sas.com)
4.IBM cognos solution จากค่ายบิ๊กบูล http://www-01.ibm.com/software/data/cognos/
5.Microsoft ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายมากถึงสรรพคุณ .. เริ่มต้น tool ตัวเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ ก็ใช้เป็นนั่นคือ MS excel ต่อมาก็ MS SQL server analysis service & reporting service และถ้าจะเสียเงินก็ Proclarity (MS ซื้อเขามาครับ)
6.Oracle ก็คือ Hyperion Solution ซึ่ง Oracle ไปซื้อมาเมื่อไม่กี่ปีนี้ และที่เป็นของ oracle ก็คือ Business Intelligence Suite
ที่นี้พูดถึงของฟรีดีกว่า ตัวที่น่าสนใจและเป็นที่ยอมรับผมขอพูดถึง 2 ตัว คือ Spago (www.spagoworld.org) และ jasper (www.jaspersoft.com) ซึ่งเท่าที่เคยได้ลองใช้ทั้ง spago และ jasper ถ้าเทียบเวอร์ชั่นฟรีด้วยกัน (jasper มีเวอร์ชั่น Ent สำหรับขายเหมือนกับ MySQL ด้วยครับ ) ผมค่อนข้างจะชอบ spago มากกว่า เพราะค่อนข้างจะครอบคลุมมากกว่า เลยเอามาแนะนำ อยากให้ลองใช้ดูครับ ผมมองว่าอนาคต การทำ Datamining เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับทุกองค์กร

126
นอกเรื่อง / Visual Studio 2010, now availabale !!!
« เมื่อ: เมษายน 14, 2010, 11:43:35 AM »
เวลา 2 ปีผ่านไป ไวเหมือนโกหกครับ ในที่สุด .NET 4.0 codename Rosario และ Visual Studio 2010 codename Hawaii ก็ได้เวลาออกอย่างเป็นทางการแล้วครับ มาคราวนี้มีอะไรใหม่ ๆ เยอะมาก เปลี่ยนไปเยอะกว่าการเปลี่ยนจาก 2005 -> 2008 เสียอีก ด้วยเรื่องของ UI และ Tool ต่าง ๆ จุดเด่นของ VS 2010 นี้คงอยู่ที่ Azure ซึ่งเป็น FX ที่ใช้พัฒนา app และ service สำหรับ cloud จึงถือเป็นการตอกย้ำครับว่ากระแสเทคโนโลยีพ.ศ.นี้และพ.ศ.หน้า VT และ Cloud มาแรงจริง ๆ ซึ่งถ้าพูดถึง azure ยังมีเรื่องราวอีกเยอะครับ ว่าง ๆ จะมาเล่าให้ฟังใหม่ และนอกจากนี้เครื่องมือที่เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น WPF ที่ไฉไลขึ้นดูทันสมัยขึ้น (แต่ผมยังไม่ได้ใช้เหมือนเคย  ;D ) และอื่น ๆ อีกเยอะเลยครับ เอาเป็นเดี่ยวขอลองก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกว่าเป็นไงบ้าง เพราะขณะที่นั่งเขียนข้อความนี้ก็กำลัง dl VS เวอร์ชั่นทดลองใช้อยู่ ใครสนใจรายละเอียดก็เข้าไปที่ http://www.microsoft.com/visualstudio/en-us จบข่าว....

127
นอกเรื่อง / สำหรับใครที่อยาก Apple iPad
« เมื่อ: เมษายน 14, 2010, 00:16:43 AM »
ตอนนี้มีคนหิ้วเข้ามาขายแล้วนะครับ เมื่อช่วงเย็นไปเจอที่ร้านตรงชั้นใต้ดิน เซ็นทรัลลาดพร้าว ขายตัว WiFi 16G 26000 ผมว่าแพงมากกกกก เพราะราคาที่เมืองนอกตัว 16GB ตัวนี้ประมาณหมื่นกลาง ๆ นี้ไปเจอคนที่ประกาศรับหิ้วของจากเมืองนอก เลยเอามาบอกเผื่อใครจะสน http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=203&t=173750

128
มีการสัมมนาฟรีมาแนะนำครับ ของ CAT เป็นผู้จัดครับ "Smart e-solution : ยกระดับธุรกรรมออนไลน์" เป็นของ CAT จัดครับ เห็น agenda น่าสนใจ เลยเอามาบอกเล่าให้สมาชิกฟัง ใครอยากเข้าฟังสามารถลงทะเบียนได้ฟรีครับที่ www.catseminar.com

129
นอกเรื่อง / windows 7 activation
« เมื่อ: มีนาคม 07, 2010, 01:07:50 AM »

130
ตามหัวข้อเลยครับ ได้เห็นข่าวแล้วดีใจมากจริง ๆ ครับ ยิ่งได้เห็นภาพข่าวบอกเลยคร้ับ น้ำตาแทบไหล ดีใจที่ในหลวงทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงแล้ว .... นี้แหละครับ คือข่าวที่คนไทยควรสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ส่วนเรื่องของครอบครัวชินวัตร สนใจไปแล้วคนไทยได้อะไร เขาโดนยึดเจ็ดหมื่นล้าน เขาก็ไม่อดตายหรอกครับ แต่ผมว่าแล้งนี้คนไทยอีกหลายแสนอาจอดตายเพราะภัยแล้ง แล้วผมจะคอยดูว่าถ้าคนอีสานเจอภัยแล้งมากๆๆ ใครที่มาช่วยเหลือพวกเขา ถ้าไม่ใช่เทวดาองค์นี้ .... ในหลวง ..... ของเรา ขอจงทรงพระเจริญ

http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000028458

131
นอกเรื่อง / FCoE มา... ฤา iSCSI จะแด้ดิ้น, FC จะสิ้นชื่อ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2010, 22:41:44 PM »
ไปเจอบทความเกี่ยวกับ storage ตัวนี้น่าสนใจครับ เลยเอามาให้สมาชิกอ่านครับ เพราะตอนนี้ FCoE น่าสนมากครับ

FCoE เป็นโปรโตคอลตัวใหม่ที่จะนำพาหลายๆ โปรโตคอลไปบนสื่อขนิดเดียวกัน หลักการทำงานจะคล้ายกับโปรโตคอลอย่าง InfiniBand (IB) แต่ IB จะมีแบนด์วิดธ์ที่กว้างกว่า (แพงกว่า) ปัจจุบันขึ้นไปสูงถึง 96 Gbit/s ซึ่งคงเหมาะกับปริมาณข้อมูลขนาดมหาศาล

สำหรับ FCoE จะใกล้เคียงกับ iSCSI ความต่างคือ iSCSI จะนำพาโปรโตคอล SCSI ไปบน TCP/IP สำหรับการควบคุมใช้งานพื้นที่สตอเรจ แต่ FCoE เราสามารถส่งผ่านโปรโตคอลที่ต่างกันไปบน Ethernet ระดับ 10GbE ได้อย่างปลอดภัย

เซิร์ฟเวอร์โดยทั่วไปอาจจะมีเน็ตเวิร์ก 2 พอร์ท (Network Interface Card - NIC) และมีไฟเบอร์อีก 2 พอร์ท (Fiber Host Bus Adapter - HBA) อย่างละสองเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด (Redundant) นี่คือตัวอย่างในโลกปัจจุบัน ซึ่ง FCoE จะเข้ามาเปลี่ยนภาพตรงนี้ คุณใช้เพียง Converged Network Adapter (CNA) เพียงคู่เดียว ทั้งโปรโตคอลอีเทอร์เน็ต และไฟเบอร์จะสามารถผ่าน CNA ออกไปบนเน็ตเวิร์กขนาด 10GbE ได้ทั้งหมด

นับเป็นมาตราฐานใหม่ที่จับเอาข้อดีของ iSCSI (ถูกแต่ช้า) และ IB (แพงแต่เร็ว) มาผนวกรวมกับ 10 Gigabit Ethernet (10GbE) ซึ่งเจ้าตัว 10GbE เริ่มๆ ทยอยลงสู่ตลาดแล้ว

ข้อดีของการใช้งาน FCoE คือการลดจำนวนสายระโยงระยาง, จำนวนการ์ดบนเครื่อง, กำลังไฟน้อยลง และความซับซ้อนของระบบเน็ตเวิร์ก รวมๆ แล้วจะเข้าสู่การลด TCO ขององค์กร

หากเป็นในแง่การเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กธรรมดาคงพอมาเห็นภาพ แต่ต้องไม่ลืมว่าเราจะใช้สตอเรจแบบไหนกับ FCoE…. ใช้ช่วงแรกสตอเรจที่ใช้กับระบบนี้ก็จยังคงเป็น Fiber Channel Storage หรือ SAN Storage ที่เราเรียกกันคุ้นปาก ซึ่งหมายถึงโปรโตคอลด้านฝั่งสตอเรจยังคงใช้ FC อยู่ เปลี่ยนทางด้านฝั่งเซิร์ฟเวอร์ และเน็ตเวิร์กตรงกลาง เป็น FCoE

แต่คงไม่นานนัก ผู้เล่นระดับต้นๆ ด้านสตอเรจอย่าง NetApp มีแผนจะบรรจุโปรโตคอล FCoE ลงบนสตอเรจใหม่ทุกตัวที่จะออกมา เหมือนอย่างที่ NetApp ทำมาโดยตลอด คือ สตอเรจทุกตัวสามารถทำงานบนโปรโตคอลมาตราฐานอย่าง FC, IP SAN (iSCSI), NAS, NFS, CIFS ได้ทั้งหมด การเพิ่ม FCoE ลงไปทำให้ NetApp ยังคงเอกลักษณ์อันนี้เอาไว้ต่อไป

ในแง่ของการใช้งาน FCoE มีหลักการคล้าย iSCSI คือมีเรื่องเของ Initiator และ Target โดยสามารถเลือกได้ทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์

ฝั่งฮาร์ดแวร์อินิชิเอเตอร์ก็คือ CNA การ์ดนั่นเอง ปัจจุบันมีค่ายดังๆ จาก FC HBA วิ่งเข้าไปพัฒนาเรียบร้อย ทั้ง Qlogic, Emulex และ Brocade นั่นยังต้องนับรวม Intel และ Brodcom ผู้ผลิตหลักของฝั่งการ์ดอีเทอร์เน็ต ก็เริ่มเข้าไปลงแรงในตลาดนี้

ด้านซอฟต์แวร์อินิชิเอเตอร์ และทาร์เก็ต ต้องอาศัยการ์ดเน็ตเวิร์กระดับ 10GbE เป็นตัวขับเคลื่อน อินเทลได้พัฒนา FCoE initiator และแจกจ่ายให้แก่ผู้พัฒนาบนลินุกซ์ไปเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว คาดการณ์ว่าในแง่ของซอฟต์แวร์อินิชิเอเตอร์ และทาร์เก็ตจะเป็นไปในรูปแบบเดียวกับ iSCSI ที่ผ่านมา คือท้ายที่สุดแล้วระบบปฏิบัติการทั้งหลายแหล่ ก็จะมีอินิชิเอเตอร์ และทาร์เก็ตไว้ให้บริการในตัวมันเองโดยพร้อมเพรียงกัน

iSCSI จะอยู่หรือไป?
iSCSI ขี่อยู่บน TCP/IP ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่มีโอเวอร์เฮดสูง FCoE เป็นโปรโตคอลใหม่มาทำงานแทน TCP/IP แต่ทั้ง iSCSI และ FCoE มีหน้าที่นำส่งโปรโตคอล SCSI ไปบนเน็ตเวิร์กแบบอีเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่ iSCSI ปัจจุบันยังคงอยู่ที่ 1GbE เน็ตเวิร์ก และสามารถขึ้นไปใช้งาน 10GbE เน็ตเวิร์กได้เหมือนกัน แต่ FCoE หัวสูงกว่าหน่อย จะเริ่มต้นที่ 10GbE เท่านั้น

หากคุณเลือกใช้ iSCSI คุณสามารถใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย และราคาถูกได้ สำหรับ FCoE คงต้องรออีกระยะ เพื่อให้ราคาลง และหนูทดลองรอดตาย ในอนาคตคงเป็นทางเลือกที่ดีในยุคควบรวมแบบนี้…. Server Consolidation, Storage Consolidation, Network Consolidation ฯลฯ

Fiber Channel จะต่อหรือตาย?
แม้ว่าปัจจุบัน FC ขนาด 8Gb/s จะทยอยออกมาอวดโฉม แต่ถามจริงๆ มีซักกี่มากน้อยที่บดขยี้แบนด์วิดธ์ไปถึงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม FC มีแผนจะขยับขึ้นเป็น 16Gb/s ในปี 2011 ซึ่งต้องคอยดูกันว่าเมื่ออีเทอร์เน็ตจะขยับไปแค่ไหนเพื่อขนส่ง FCoE นั่นรวมถึงจำนวนผู้ใช้งานด้วย

ref: raid-x.com

132
นอกเรื่อง / Branding .... ชื่อนั้นสำคัญ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2010, 23:40:40 PM »
เคยสงสัยไหมครับ ใครเป็นคนออกแบบชื่อและโลโก้ของผลิตภัณฑ์ชื่อดัง อาทิ Blackberry, Intel Pentium 4, Intel Atom, Intel Xeon, Microsoft Forefront, PalmOne, Lilly Zyprexa, at&t, Apple PowerBook และอื่น ๆ อีกมากมาย ... เบื้องหลังของชื่อและโลโก้ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ Lexicon Branding ( www.lexicon-branding.com ) ซึ่งเป็นบริษัทรับออกแบบชื่อและโลโก้ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการวางแผนการตลาดให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมากที่มียอดขายมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ที่มี Lexicon เป็นเบื้องหลังให้ .... พอถึงจุดนี้ อ.MN สนใจใช้บริการไหมครับ อุอุอุอุ  ;D และนี้ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่อยากเอามาเล่าให้สมาชิกได้รู้จัก จบข่าว

133
นอกเรื่อง / กระแสเทคโนโลยีของปี 2010
« เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 12:34:21 PM »
อ่านเจอใน PC Magazine ฉบับเดือน 2/2010 เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
Mobile Technology : ปีนี้คงเป็นปีของ 4G เพราะทั้ง AT&T, Verizon, Sprint ต่างแข่งขันกันที่จะสร้างเครือข่าย 4G และ WiMAX ให้เกิดขึ้นจริง (น่าอิจฉาครับ บ้านเรายังเพิ่มเริ่มต้น 3G บ้านเขาคุยกันที่ 4G แล้ว)
Netbook & Notebook : ปีนี้คงเป็นปีของ Intel Core i ทั้ง i3,i5, และ i7 ซึ่งจะมาแทนที่ Celeron, Pentium Dual Core, C2D, C2Q อย่างแน่นอน (ผมคิดว่าในบ้านคงเริ่มได้เห็น notebook ที่ใช้ Core i หลังกลางปีนี้ครับ) และในส่วนของ Netbook ก็คงยังเป็นปีของ Intel Atom เหมือนเดิม แต่จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาสนับสนุนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น และทำให้สามารถใช้ต่อเนื่องได้ถึง 10 ชม. และยิ่งไปกว่านี้ ปีนี้เราคงได้เห็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่อาจเรียกได้ว่า SmartBook (ก็คือ iPad ที่ผมพึ่งเล่าไปเมื่อวานครับ) ซึ่งรันด้วย CPU Intel ARM หรือ Qualcomm และอาจไม่ได้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile แต่น่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ Linux ซึ่งทำออกมาขายในราคาต่ำกว่า 200$ เพื่อเอาใจคนที่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์เพื่องานง่าย ๆ เช่น การอ่าน ebook เป็นต้น
Desktop : แนวโน้มปีนี้ก็จะเหมือนกับ netbook คือ เป็นเทคโนโลยีที่อาจไม่ได้เน้นความแรง แต่เน้นการประหยัดทั้งประหยัดพื้นที่และการประหยัดพลังงานมากขึ้น (จะเห็นได้ว่า Intel Core i จะมีซีพียูขนาด 32nm ออกมาด้วยครับ)
Audio & Vision : ปีนี้ก็คงยังไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับเรื่องเสียงและภาพ MP3 Player ก็คงจะเป็นตัวหลักต่อ เพียงแต่อาจมีการเพิ่มลูกเล่นเข้าไป ทุกบ้านคงเปลี่ยนไปจอ LCD Monitor กัน ซึ่งก็คาดกันว่าภายใน 1-2 ปีนี้คงไม่มีจอภาพแบบหลอดภาพแล้ว (ความเห็นของผมคิดว่าในอเมริกาอาจเป็นไปได้ครับ แต่บ้านคงอีกนาน)
Software : สำหรับปีนี้คงยังไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับวงการซอฟท์แวร์ หลัก ๆ สำหรับทั่วไปก็คงจะมีที่โดดเด่นคือ Adobe CS5 และ Microsoft Office 2010 ซึ่งใน MS Office เวอร์ชั่นใหม่นี้ก็จะมีการเพิ่มเติมเมนูแบบริบบอนใน Outlook, การเพิ่ม BI Tools ลงใน Excel และการทำงานแบบ 64bit ใน Excel, การเพิ่มเครื่องมือตัดต่อวีดิโอลงใน PowerPoint (คราวนี้ก็สนุกแน่ครับ จะได้ทำแผนภูมิแบบเคลื่อนไหวได้สวยขึ้น) หรือการทำ Office ในเวอร์ชั่น Web Base เพื่อการแชร์เอกสารบนอินเตอร์เน็ต
Robots : บรรณาธิการผู้เชี่ยวชาญของ PC Mag มองว่าปีนี้คงมีอะไรแปลกใหม่ในวงการหุ่นยนต์โดยเฉพาะหุ่นยนต์ที่ใช้ในบ้าน ซึ่งก็ไม่แน่ครับ อีกหน่อยเราคงมีหุ่นยนต์ช่วยทำความสะบ้านของเรา

134
นอกเรื่อง / Apple iPad
« เมื่อ: มกราคม 28, 2010, 23:53:32 PM »
สวัสดีครับ วาง ๆ เลยเอานวัตกรรมใหม่มานำเสนอ มันคือ iPad จากค่าย Apple
iPad คืออะไร???
>> iPad คือ Tablet PC ที่อยู่ตรงกลางระหว่าง MacBook VS iPhone/iPod คือถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ มันคือ Netbook เวอร์ชั่น Mac = Netbook + iPod + Tablet ซึ่งเหมาะสำหรับใครที่ต้องการคอมพิวเตอร์พกติดตัวที่มีขนาดใหญ่กว่า iPod/iPhone ด้วยจอLCD Multitouch แบบ IPS LED blacklit ขนาด 9.5" มุมมองกว้างถึง 178 องศา (นึกถึงทีวี LCD Panasonic เลยคับ เขาโฆษณาว่าเท่านั้นเหมือนกัน) หนา 0.5" น้ำหนัก 1.5 ปอนด์ (ประมาณ 6 ขีด) มาพร้อมกับขุมพลัง Mac A4 1GHz และถ่านที่สามารถรองรับการใช้งานได้นานถึง 10ชม. หน่วยความจำหลักของเครื่องมีให้เลือกทั้ง 16GB/32GB/64GB ส่วนการเชื่อมต่อเครือข่ายก็มีให้ครบเลยครับทั้ง Bluetooth, WiFi, 3G ฟังแล้วน่าสนใจไหมครับ ... ถ้าสนใจเข้าไปดูบนเว็บของเขาเลยครับที่ http://www.apple.com/ipad/ แต่ต้องรอก่อนนะครับ ในอเมริกาจนเริ่มขายเวอร์ชั่น WiFi ในเดือนมีนาคม และ WiFi + 3G ในเดือนเมษายน ส่วนราคาค่าตัวแบบมีแต่ WiFi :16GB/32GB/64GB = 499$/599$/699$ (ไม่นึกเลยฝรั่งก็ชอบขายลงท้ายด้วย 9 เหมือนกัน) ส่วนรุ่น WiFi + 3G:16GB/32GB/64GB = 629$/729$/829 คูณ 33 บาทเข้าไปก็เริ่มต้นประมาณหมื่นหกกว่า ๆ ไปจบที่สองหมื่นเจ็ดกว่า ๆ จะว่าไปก็น่าสนนะครับ นี้ก็ได้ข่าวว่า hosxp เตรียมสุ่มทำเวอร์ชั่น webbase ออกมา ถ้าจริง admin รพ.ต่าง ๆ เตรียมหาเงินได้แล้วครับ  ;D .... จบข่าว

135
พอดีไปเจอจาก notebookspec.com เห็นว่าน่าสนใจเลยหยิบมาให้อ่านครับ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 ตั้งแต่ยังเป็น NT 3.1 ตัว Windows มีการเรียกใช้ไบออสในโหมด Virtual-8086 ซึ่งการทำงานของไบออสในโหมดนี้มีช่องโหว่ที่แฮคเกอร์สามารถนำมาใช้โจมตีคอมพิวเตอร์ได้ มาถึงตอนนี้นับเป็นเวลา 17 ปีแล้วช่องโหว่ที่ถูกพบตั้งแต่ปี 1993 นั้นก็ยังมีอยู่ใน Windows 7 ด้วยเช่นกัน

สาเหตุของปัญหานี้มาจากการที่ไมโครซอฟท์ต้องการจะสนับสนุนโปรแกรมแบบ 16 บิต ซึ่งเป็นระบบเก่า ให้สามารถใช้งานได้ในระบบปฏิบัติการตัวใหม่ๆ ด้วย Windows NT จึงต้องมีการสนับสนุนชุดคำสั่ง Virtual-8086 ซึ่งมีช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ด้วย โดยแฮคเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ ในการยกระดับสิทธิ์ของตัวเองไปเป็น Admin หรือผู้ดูแลระบบของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้

Windows ที่มีช่องโหว่นี้อยู่ คือระบบ 32 บิต ทั้งหลาย โดยระบบ 64 บิตนั้นไม่พบว่ามีปัญหานี้ เนื่องจากระบบ 64 บิต จะไม่สนับสนุนชุดคำสั่ง Virtual-8086 สาเหตของปัญหานี้นั่นเอง

สำหรับ Windows รุ่นที่มีช่องโหว่นี้อยู่ได้แก่ :

•Microsoft Windows 2000 Service Pack 4
•Windows XP Service Pack 2 and Windows XP Service Pack 3
•Windows Server 2003 Service Pack 2
•Windows Vista, Windows Vista Service Pack 1, and Windows Vista Service Pack 2
•Windows Server 2008 for 32-bit Systems and Windows Server 2008 for 32-bit Systems Service Pack 2*
•Windows 7 for 32-bit Systems
สังเกตได้ว่าจะเป็นระบบ 32 บิตทั้งสิ้น ส่วน Windows ที่ไม่มีความเสี่ยงจากช่องโหว่นี้ ก็ได้แก่ :

•Windows XP Professional x64 Edition Service Pack 2
•Windows Server 2003 x64 Edition Service Pack 2
•Windows Server 2003 with SP2 for Itanium-based Systems
•Windows Vista x64 Edition, Windows Vista x64 Edition Service Pack 1, and Windows Vista x64 Edition Service Pack 2
•Windows Server 2008 for x64-based Systems and Windows Server 2008 for x64-based Systems Service Pack 2
•Windows Server 2008 for Itanium-based Systems and Windows Server 2008 for Itanium-based Systems Service Pack 2
•Windows 7 for x64-based Systems
•Windows Server 2008 R2 for x64-based Systems
•Windows Server 2008 R2 for Itanium-based Systems
•Solution and Workaround for 32 bit Windows7 editions.
อะไรคือ virtual-8086 ?

เป็นการจำลองการเรียกใช้งานโปรแกรมในแบบ 16 บิต บนระบบใหม่ ทำให้ Windows รุ่นใหม่ๆ สามารถรันโปรแกรม 16 บิตได้

วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น

มี 2 วิธี ผู้ใช้สามารถเลือกทำวิธีใดก็ได้ สำหรับวิธีแรก ให้คลิกที่ Start > Run จากนั้นพิมพ์ gpedit.msc แล้ว Enter

1.ไปที่ Administrative Templates > Windows Components
2.คลิกที่โฟลเดอร์ Application Compatibility
3.ด้านขวา ให้ดับเบิลคลิก Prevent access to 16-bit applications
4.เปลี่ยนค่าจาก Not Configured เป็น Enabled จากนั้นคลิก OK


Local Group Policy Editor เรียกใช้โดยการพิมพ์ gpedit.msc ในช่องค้นหา หรือ Run…


ส่วนอีกวิธีคือการใช้การแก้ไขค่ารีจิสทรีโดยตรง เปิด Registry Editor แล้วไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Microsoft\Windows\AppCompat แก้ไขค่า D-Word ชื่อ VDMDissallowed เท่ากับ 1

โดยผลที่ตามมาคือ หลังจากใช้ทั้ง 2 วิธีนี้แล้ว คอมพิวเตอร์จะไม่สามารถ รันโปรแกรมแบบ 16 บิตได้อีก

ระดับความรุนแรงของปัญหา

ช่องโหว่นี้นับได้ว่าเป็นจุดไม่ใหญ่มาก เนื่องจากแฮคเกอร์ไม่สามารถใช้ช่องโหว่นี้จากการควบคุมระยะไกลได้ ต้องใช้ account ที่มีอยู่บนเครื่องนั้นในการเจาะ ไม่สามารถใช้วิธีการรีโมทเข้าไปได้

136
 ;D ไม่มีอะไรทำ เลยฝากความห่วงใยมายังชาว HosXP ครับ อย่ามั่วแต่นั่งอยู่หน้าจอนะครับ ... เพื่อตัวเรา และสุขภาพของเรา อย่าลืมออกกำลังกายกันบางนะครับ

137
นอกเรื่อง / Theme for Windows 7
« เมื่อ: มกราคม 24, 2010, 18:07:18 PM »
ไปเจอเว็บรวม theme สำหรับ windows 7 เลยเอาแนะนำครับ
www.window7theme.com
windows7themes.net
ลองดูนะครับ ผมได้สวย ๆ มาเยอะเลย ;D

138
ซื้อมาอ่านแล้ว อยากแนะนำครับ เล่มแรก SQL Server 2008 ฉบับสมบูรณ์ ของพงษ์พันธ์ ศิวิลัย จากสำนักซีเอ๊ด ... จากที่ได้อ่าน เหมาะสำหรับมือใหม่หัดใช้ SQL Server 2008 ครับ นับตั้งแต่การติดตั้ง และการใช้งานต่าง ๆ ขั้นพื้นฐาน โดยภาพรวมถือว่าโอเค และคุ้มค่าเงิน

http://www.se-ed.com/eshop/Products/Detail.aspx?No=9789742129576

อีกเล่มชื่อว่า เรียนรู้ด้วยตนเอง Database/Query/T-SQL/Store Procedure เห็นหนังสือครั้งนี้ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดมีอยู่สองอย่างครับ คือคนแต่ง => อ.ลาภลอย วานิชอังกูร ใครเคยได้เรียน C# กับแกจะรู้เลยครับว่าแกเก่งจริง ๆ  กับสโลแกนของหนังสือ => หนังสือเล่มที่จะเปลี่ยนทัศนคติของท่านต่อฐานข้อมูลและคิวรีไปโดยสิ้นเชิง พลิก ๆ เนื้อหาในหนังสือแล้ว บอกเลยครับ ต้องซื้อ เพราะมันทำให้ทัศนคติเรื่องการคิวรีเปลี่ยนไปจริง ๆ แนวคิดการคิวรีข้อมูลที่ลึกซึ้ง และมีหลักมีทฤษฏีที่ทำไงให้การเข้าถึงฐานข้อมูลได้เร็วและมีประสิทธิภาพสูง เลยอยากเอาแนะนำให้สมาชิกได้อ่าน แหมชุมชนนี้จะไม่ค่อยใช้ SQL Server ก็ตาม แต่ลองอ่านเป็นแนวครับ เพราะ MySQL ก็ใช้มาตรฐาน T-SQL เหมือนกัน

http://www.se-ed.com/eShop/Products/Detail.aspx?No=9786160800094

139
นอกเรื่อง / 10สุดยอดในรอบทศวรรษ โดย PC Mag
« เมื่อ: ธันวาคม 31, 2009, 03:37:01 AM »
ก่อนที่จะเข้าสู่ทศวรรษใหม่ (2010) กองบรรณาธิการนิตยสาร PC Magazine ได้ทำการคัดเลือก 10 สุดยอดในวงการคอมพิวเตอร์ในต่าง ๆ ที่ดีที่สุด โดยย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็จะยังคงมีอิทธิพลต่อผู้ใช้เมื่อเข้าสู่ทศวรรษใหม่ด้วย
ผลิตภัณฑ์
1. Google : ชื่อนี้ไม่ต้องบรรยายครับ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักพี่กู ทุกวันนี้ Google ไม่ได้มีเฉพาะ search engine เหมือนวันเริ่มต้น เพราะทุกวันนี้ Google ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ทั้ง Google, GMail, GTalk, Google Earth, GMap, Google Chrome, Chrome OS, Android และอีกจิปาถะครับ เคยอ่านผลสำรวจ server ที่ออนไลน์อยุ่ทั่วโลก พบว่า 2% ของ server ทั้งโลก เป็นกลุ่ม server ของ Google
2. IPhone : สุดยอดของ Smartphone ซึ่งมียอดจำหน่ายไปแล้วไม่น้อยกว่า 30 ล้านเครื่องทั่วโลก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับ Apple อย่างที่เรียกว่าขายแต่ Iphone ก็พอแล้ว พร้อมกับโปรแกรมซึ่งถูกพัฒนามาบน Iphone อีกไม่น้อยกว่า 100,000 โปรแกรม ใน App Store แหมทุกวันนี้จะเสียแชมป์ให้กับ BB ไปแล้วก็ตาม แต่ Iphone ก็ยังถือว่าเป็น smartphone ในตำนานที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง
3. Ipod : อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากค่าย Apple ที่ได้รับการกล่าวขวัญ และเป็นผู้สร้างมาตรฐานอุปกรณ์ต่อพ่วงเครื่องเล่น MP3 Apple Ipod คือเครื่องเล่น MP3 ที่ได้รับการคัดเลือกจากทีมงานให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ ด้วยการดีไซด์รูปแบบ, ฟังค์ชั่นการทำงาน ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่หาเครื่องเล่น MP3 ตัวอื่นเทียบได้ยาก แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว ไม่ชอบทั้ง Iphone และ Ipod เพราะการอัพเดทไฟล์เพลงหรือข้อมูลยาก ต้องทำผ่าน Itune เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์โยนเข้าไปง่าย ๆ เหมือนยี่ห้ออื่น ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้วจะไม่เคยมองสองพี่น้องตระกูล Apple เลย
4. Facebook อีกหนึ่งเว็บที่ได้รับความนิยมสูงสุดในพ.ศ.นี้ ด้วยจำนวนผู้ใช้สูงถึง 350 ล้านคน, มีเพจให้ชมมากกว่า 25% ของจำนวนเว็บเพ็จทั้งของสหรัฐ, และกว่า 2.5 พันล้านไฟล์ภาพและคลิปวีดิโอที่ถูกอัพโหลดขึ้นไปในแต่ละเดือน ทำให้ที่นี้คืออภิมหาชุมชนบนโลกไซเบอร์จริงๆ
5. WiFi : คงไม่มีใครปฏิเสธนะครับว่าทุกวันนี้ไม่รู้จัก WiFi หรือมาตรฐาน IEEE 802.11 ในสหรัฐ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตตามบ้านกว่า 40% เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในบ้านผ่านระบบ WiFi และมากกว่า 95% ขององค์กรมีบริการ WiFi ใช้ภายสำนักงาน ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดเทคโนโลยีหนึ่งของมนุษย์ในปัจจุบัน
6.Broadbrand Internet : และคงไม่มีใครปฏิเสธสิ่งนี้เหมือนกัน ว่ามันกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เราจะรู้สึกหงุดงิดมากถ้า มันหายไป .... อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งครับ :)
7. Tivo : ชื่อนี้บ้านเราคงไม่ค่อยรู้จักกันครับ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายวีดิโอออนดีมานด์ ในสหรัฐมีผู้ใช้มากกว่า 38 ล้านคนที่เรียกดูรายการวีดิโอออนดีมานต์ผ่าน Tivo ใครสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดที่ www.tivo.com ครับ
8. GPS : Global Position System ระบบนำทางบนแผนที่อัตโนมัติ ซึ่งเริ่มต้นจากที่ใช้ในกองทัพสหรัฐ ถูกนำมาพัฒนาใช้ในเชิงพาณิชย์ของแรกโดย Hertz ในระบบรถเช่า และในปัจจุบันก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่คนนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และกลายเป็นอุปกรณ์เสริม (ที่เกือบเป็นอุปกรณ์หลัก) ในรถยนต์หรู ๆ หลายรุ่นและหลายยี่ห้อ ดังนั้นจึงทำให้ GPS ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ
9. Windows XP : สุดยอดของ OS ในตำนานที่ไม่มีวันตายแหม MS จะส่ง Windows Vista ออกสู่ตลาด แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้มากจน MS เองก็ยังต้องยอมขาย Windows XP ควบคู่ไปกับ Windows Vista จนถึงวันนี้ Windows 7 ซึ่งได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังมีคนใช้อีกไม่น้อยที่ยังคงเลือกใช้ Windows XP อยู่ ด้วยเหตุผลเรื่องเสถียรภาพ, ความเข้ากันกับโปรแกรมเก่า ๆ และเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมาย ทำให้ Windows XP เป็นผลิตภัณฑ์ OS ของ MS ที่มีอายุยืนที่สุด
10. IMac : สุดยอดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ดีพร้อมในทุกด้าน ยกเว้นอย่างเดียวคือราคา :)
5 บุคคลผู้ทรงอิทธิพล
1. Steve Jobs  CEO ของค่าย Apple
2. Larry Page and Sergey Brin ผู้ให้กำเนิด Google ที่สุดแห่งโลกไซเบอร์
3. Mark Zuckerberg เจ้าของ Facebook ด้วยอายุเพียง 25 ปี เขาคือเศรษฐีใหม่ในวงการ เจ้าของธุรกิจที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ
4. Bill Gate ชื่อนี้คงไม่ต้องบรรยายมากครับ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขาและ Microsoft
5. Craig Newmark จาก Craigslist.org

140
นอกเรื่อง / มี Navicat for MySQL มาแจกครับ
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2009, 19:44:11 PM »
ห่างหายการเอาของดี ๆ (ฟรี ๆ ;D ) มาแจกเสียนานครับ วันนี้เอา Navicat 8.2.17 มาฝากครับ ไม่เกริ่นอะไรมากครับ ใครอยากได้ก็ดาวน์โหลดไปเลยครับ

Navicat for MySQL 8.2.17
http://download.navicat.com/download/navicat8_mysql_en.exe

Navicat Report Viewer 2.3.2
http://download.navicat.com/download/rviewer_en.exe

Keygen เอาจากไฟล์แนบนะครับ

141
นอกเรื่อง / ชื่อเล่นของ Windows เวอร์ชั่นต่าง ๆ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 00:15:20 AM »
วันก่อนมีคำถามมาฝากเรื่อง codename หรือชื่อเล่น แต่ไม่ได้เข้ามาเฉลย วันนี้เลยเอา codename ของ MS Windows มาบอกเล่นแทนแล้วกันครับ ลองอ่านเล่น ๆ นะครับ
Windows 3.1 = Janus
Windows 3.1 workgroup = Spartar ; Windows ตัวแรกที่สนับสนุนการเชื่อมต่อเครือข่าย
Windows 95 = Chicago
Microsoft Plus for Windows 95 = Frosting ; ของเล่นสำหรับ Windows 95 น่ารักมากๆๆ
Windows 95 OSR2 = Detroit
Windows 98 = Memphis ; ที่สุดของ Windows ยุค 9x
Windows ME = ME ; ยังจำได้ไหมครับ Windows 9x ที่เราว่าสวยที่สุดในยุคนั้น แต่เป็นได้แค่ตัวขัดตาทัพ ...
Windows 4.0 = Cairo
Windows 2000 = Whistler 2000, NT 2000
Windows XP = Whistler XP ; ที่สุดของ Windows NT OS ที่มีอายุยาวนานที่สุดถึง 6 ปี
Windows XP SP1 = Trainyard
Windows XP SP2 = Springboard
Windows 2003 Server = Whistler Server
Windows Vista = Longhorn ; ชะตากรรมเหมือนกับ Windows ME เลยครับ อายุสั้นมาก แค่ 2 ปี!!! แต่ผมมองว่าแนวโน้มอนาคตไม่แน่ MS อาจออก OS เวอร์ชั่นใหม่ทุกสองปี
Windows 2008 Server = Longhorn Server
Hyper V = viridian ; ระบบ VT ของ Windows Server ไงครับ นึกออกไหม
Windows 7 = Vienna ; จริง ๆ เขามีอีก codename หนึ่งครับชื่อแต่ไม่เป็นมงคลเท่าไร ชื่อว่า Blackcomb
Windows Mobile 2003 = Ozone
Windows Mobile 5 = Magneto
Windows Mboile 6 = Crossbow
Windows Mobile 7 = Photon ; ตัวนี้เขาบอกว่าจะออกกลางปีหน้าครับ

142
ใครที่เจอปัญหา ไม่สามารถเข้าไปอัพเกรดโปรอินเตอร์เน็ตทรูแบบใหม่แต่ไปไม่ผ่าน อันนี้เป็นลิงค์ที่เข้าสู่เว็บอัพเกรดโดยตรง

http://support.truecorp.co.th/ATB3/accept.jsp

143
เอามาให้ทายกันเล่น ๆ ครับ เดี่ยวอีกสองสามวันผมจะมาเฉลย ว่าชือเหล่านี้เป็น codename ของผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง
1. Revolution
2. Whistler
3. Gran Paradiso
4. B52 Rock Lobster
5. Copland
6. Dollhouse Simulator
7. Ginger
8. Mr.T
9. Origami
10. Kumo

144
วันนี้คุณพี่อุดมโชคมาเยือนรพ.ของผมเลยครับ :) เดี่ยวรอให้ทำระบบใหม่ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาเยือนใหม่นะครับ
พอดี gogreen กับ value ให้มาครับ
ตัว Kaspersky Open Space 6 R2 เป็น Enterprise Ed. ตัวทดลองใช้ รองรับ Windows 7 ตัวไลเซนท์รองรับได้ 400 Client อายุทดลองใช้ 30 วัน
ตัว Symantec Endpoint Corperrate 12 ตัวทดลองใช้ เป็น engine ล่าสุดอัพเดทกันยายนที่ผ่านมา ตัวเต็มครับ อันนี้อายุทดลองยาวหน่อยใช้ได้ถึง 31 มีนาคมปีหน้าครับ
แต่ลืมถามจข.เขาว่ายอมให้ปล่อยไหม ใครอยากได้โพสหลังไมค์ทิ้ง email มาแล้วกัน ถ้าปล่อยได้จะ upload ขึ้น free host แล้วส่งจดหมายไปบอก

145
นอกเรื่อง / แฟนจ๋า VS 2010 จะมาแล้วจ๊ะ
« เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2009, 01:05:01 AM »
มิตรรักแฟนเพลง .NET ครับ VS 2010 พร้อมกับ .NET 4 (codename sario) จะมาแล้วนะครับ ดีเดย์คือ 22/3/2010 นับถอยหลังรอได้เลย อีก 134 วัน  ตอนนี้ beta 2 ปล่อยให้ dl แล้ว แหล่มมาก แต่ก็อืดมากเหมือนกัน WPF ชัดเจนขึ้นจนเรียกได้ว่าอาจเลิกทำ winform ไปเลย ใครอยากลองของไปลองได้เลยครับที่ http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?FamilyID=dc333ac8-596d-41e3-ba6c-84264e761b81&displaylang=en#filelist

146
นอกเรื่อง / มีใครเคยทำ boot from SAN บ้างครับ ???
« เมื่อ: ตุลาคม 29, 2009, 00:34:53 AM »
กำลังตัดสินใจวางแผนเรื่องซื้อเซิร์ฟเวอร์ใหม่ครับ พอดีกำลังมองเบรดเซิร์ฟเวอร์ไว้ ทางพรีเซลล์ด้านเซิร์ฟเวอร์กับด้าน storage ของไอบีเอ็มเสนอไอเดียให้ทำ Boot From SAN ครับ จะได้ประหยัดงบค่า HD เพราะแทนที่จะกระจาย HD ลงเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัว ก็เอามารวมกันที่สตอเรจ และยังทำให้สามารถเซ็ตเบรดเปล่า 1 ใบให้เป็น hot spare blade ได้ด้วย (ก็คือว่าถ้าเบรดไหนหยุดทำงาน ตัวเบรดสำรองจะถูกสั่งให้เปิดขึ้นมาแล้วไปบูตจากโวลุ่มของเบรดที่เสีย ให้กลับมาทำงานแทนทันที) โดยสร้างท่อเชื่อมต่อจากเซิร์ฟเวอร์แต่ละตัวเข้า SAN Switch ด้วยท่อ SFC ขนาด 4Gb/s เซิร์ฟเวอร์ละ 2 ท่อมัดรวมกัน แล้วจาก SAN Switch ก็เชื่อมเข้า storage ด้วยท่อ SFC ขนาด 8Gb/s 4 เส้นมัดเข้ารวมกัน ฟังดูน่าจะเวิร์คนะครับ แต่ก็กลัว ๆ เหมือนกัน เพราะเป็นไอเดียที่ค่อนข้างใหม่ ถามหลาย ๆ คน ยังไม่ค่อยมีใครทำเลย โดยเฉพาะ DB server เลยสองจิตสองใจอยู่ว่าจะอย่างไรดี เพราะด้วยไอเดียนี้ ช่วยให้ผมประหยัดค่า HD ได้พอสมควร แต่ก็กลัวเรื่องความเร็วในการเข้าถึงไฟล์นี้แหละครับ ..... เลยจะลองถามดูว่าใครเคยทำแล้วบ้าง เวิร์คมากน้อยแค่ไหน

147
พอดีพึ่งถอย latitude e4300 มาให้ผอ.เครื่องหนึ่งครับ เลยจัดแจงเข้าไปขออัพเกรด windows 7 เลยครับ ใครสนใจเข้าไปดูได้เลยนะครับที่ http://www.dell.com/content/topics/topic.aspx/global/shared/windows7/upgrade/index?c=us&cs=19&l=en&s=dhs
ลองเข้าไปดูได้นะครับ

148
นอกเรื่อง / มี notebook ดี ๆ มาบอก
« เมื่อ: ตุลาคม 07, 2009, 23:23:30 PM »
มีเครื่องnotebook dell ได้ราคามาจากงานประมูลครับ dell latitude e5400 p8600 2.4GHz, ram 2gb, hd 160 7200rpm, จอ 14 นิ้ว, bluetooth, wifi 5100 abgn, ขาดแต่ไม่มี web cam , windows vista business ed. sp1 พร้อม upgrade เป็น windows 7 ฟรี หมดนี้ 30000 ถ้วน ๆ ผมถอยมาให้จนท.ที่รพ.สามตัวแล้ว ใครอยากได้โพสมาได้เลยครับ 

150
นอกเรื่อง / สงคราม os บน netbook
« เมื่อ: กันยายน 17, 2009, 06:27:03 AM »
MS ประกาศไม่หวั่นในการส่ง Windows 7 ลงตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาด netbook และ nettop แหม Windows Vista เองไม่เป็นที่ยอมรับเพื่อใช้ในคอมพิวเตอร์กลุ่มนี้ก็ตาม แต่ MS ก็เชื่อว่า Windows 7 มีประสิทธิภาพที่สามารถติดตั้งบน netbook และ nettop ได้ดี ซึ่งขณะที่ Windows 7 มีกำหนดการประกาศตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ต.ค นี้ Google Chrome OS และ Intel Merlin เองก็คอยเป็นหอกข้างแคร่ที่คอยไล่ทิ่มแทง MS ไม่น้อย ด้วยเหตุผลว่ามันคือ ของฟรี แถมมี App ต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ netbook และ nettop ได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง เรียกได้ว่างานนี้ต้องดูกันต่อไปครับว่า ตลาดนี้ใครจะอยู่ใครจะไป

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6