ใช้ได้ครับแต่ต้องเป็น 3.58.9.15 เป็นต้นไปนะครับ ถึงจะไม่กระทบ

ลองตรวจสอบตรงนี้ครับ

if GetSQLStringData('select drugallergy from patient where hn="'+DBPipeline['HN'] +'"')<>'' then
Value := ''+GetSQLStringData('select drugallergy from patient where hn="'+DBPipeline['HN'] +'"') else
if GetSQLIntegerData('select count(distinct(v.vn)) as cc from rx_operator r '+
' inner join vn_stat v on v.vn=r.vn '+
' where v.hn="'+DBPipeline['HN'] +'" and r.pay="Y" and r.pay_staff in (select code from doctor where position_id in (3,7)) ')>0 then
Value := 'ปฏิเสธอาการแพ้ยา' else
Value := 'ไม่มีข้อมูลการแพ้ยา';

       สำหรับความต้องการในส่วนนี้ ขอแนะนำให้ใช้วิธีการ Delete report ในหน้าต่างโปรแกรม Report Designer แทนเนื่องจากหากมีการเพิ่มปุ่ม Delete ในหน้าต่างนี้ซึ่ง User เข้าใช้งานได้ อาจมีการพลาดลบ Report ไป ทำให้เจ้าหน้าที่ Admit ต้องหา Back up ของ Report มาทำการ Import ใหม่ จึงขอแนะนำวิธีการ Delete report ดังนี้

                                                                             ภควดี สว่างพาณิชย์
                                                                   เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายด่วนแก้ปัญหา
                                               แผนกสายด่วนแก้ปัญหา ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และบริการหลังการขาย

ไม่ต้องถึงกับ admit ก็ได้ครับ 

ได้ครับจัดการในส่วน option ของ printserver ครับ

ยอดเยี่ยมครับ 

ลองตรวจสอบ 2 ที่ครับ ไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้มั้ยนะครับ
1. ตามภาพที่แนบ ว่าห้ามการเงินแก้ไขค่าใช้จ่ายหรือไม่
2. Update serial set serial_no =(Select max(id) from temp_log) where name ='temp_log_id'

ว่าแต่ทำไมมีค่าใช้จ่ายเบิ้ลได้ครับ

OPD :: physic_main
IPD::physic_main_ipd

query ต้องการหาอะไรครับ

ถ้าเป็นตารางที่ใช้งานในโปรแกรม HOSxP  ไม่ได้สร้างขึ้นมาเอง  และ การตั้งค่าในส่วนของ Auto Backup ไม่ได้ติกถูก Skip image Data ไว้โปรแกรมก็จะ Backup ข้อมูลให้ครับ
ถ้าอยากทดสอบว่ามัน Backup ให้จริงหรือเปล่า ก็แค่นำฐานข้อมูลที่ Backup รายวัน มาทดสอบ Restore ลงในเครื่องทดสอบดูครับ

ขอเสริมนิดนึงครับ
ตารางที่เราสร้างขึ้นเองก็ถูก backup มาด้วยครับ--->ช่างยอดเยี่ยมจริงๆครับ

ลองเอาไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของหน่วยงานครับ

Value := '(   ' +GetSQLStringData('select concat(name,"  ว",licenseno) as cc from doctor where code = "'+DBPipeline['admdoctor']+'"')+'   )' ;

ใช่ครับ 

โครงสร้างตารางเป็นแบบนี้ครับ คงปรับเป็น 2 หลักไม่ได้เพราะ upgrade structure ก็จะกลับมาเป็นหลักเดียวเหมือนเดิมครับ

ก็ไม่ตกหล่นอะไรแล้วนะครับ น่าจะแสดงหน้าจอให้ใส่เหตุผลยานอกบัญชีที่ห้องตรวจแล้วหลังจากกดบันทึกและเลือกแผนกส่งต่อครับ

ตกลงว่าบันทึกพวก vital sign นี้ที่หน้าจอไหนครับ

1. ลองตรวจสอบที่ทะเบียนเวชภัณฑ์ยาว่ากำหนดยาตัวนั้นเป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติหรือยัง--> NED
2. ที่ system setting ห้องตรวจ
2.1 ไม่ต้องติ๊ก-->พิมพ์ใบรับรองยานอกบัญชีก่อนบันทึก
2.2 ต้องติ๊ก-->แสดงหน้าจอยืนยันเหตุผลสั่งยานอกบัญชียาหลังแห่งชาติ
3. ตรวจสอบสิทธิการรักษาว่ากำหนดให้พิมพ์ใบรับรองการใช้ยานอกบัญชีที่ห้องตรวจหรือยัง

ลองตรวจสอบตามนี้ครับ

ขอบคุณครับอาจารย์ 
แต่เราต้องเพิ่มรหัส ST ในตาราง pcode ด้วยมั้ยครับ

ถ้าเอาแต่ผู้ป่วยในผมพอมี report หน้าตาประมาณนี้ครับไม่ทราบว่าตรงตามที่ต้องการหรือไม่ครับ

ใช้ ds1, ds2 ที่ทำไว้ตามด้านบนครับ ประมาณ where vstdate = "'+ds1+'" and ... ครับ

server ได้ sync time server มั้ยครับ

หายทุกคนที่มีการบันทึกในหน้าจอดังกล่าวมั้ยครับ

ไม่ชัดเจนในสิ่งที่ต้องการครับ ผมเดาเอาว่าประมาณนี้หรือป่าว ลองทดสอบทีนะครับ

select c.hn, c.vstdate, c.bmi, concat(p.pname,p.fname," ",p.lname)as ptname
from opdscreen c inner join
(  select hn, max(vstdate) maxvstdate
   from opdscreen
   where vstdate between "2014-10-01" and "2015-03-31"
   group by hn
) tab1 on c.hn = tab1.hn and c.vstdate = tab1.maxvstdate
left outer join patient p on p.hn=c.hn
where bmi between 25 and 29.9

one stop service ครับ ทำทีเดียวทั้งเดือนเลยครับ

ลองส่งออกซ้ำอีกครั้งครับ

ที่ปุ่ม discharge ตรวจสอบ audit log ก่อนครับว่าเคยทำ discharge หรือยังครับ

ต้องกดบันทึกก่อนครับ popup ถึงแสดงครับ