BMS-HOSxP Community
HOSxP => HOSxP PCU => ข้อความที่เริ่มโดย: surachat1234 ที่ กันยายน 27, 2012, 19:52:35 PM
-
สอบถามหน่อยครับผม พอดีเพื่อนผมไปประชุม 21 แฟ้มที่ สนย.เป็นวิทยาก รแล้วเล่าให้ฟังว่า รพสต. Diag type ได้แค่1.principle Diag. 4.other. และ 5.External cause. เท่านั้น. ส่วน 2. Comorbid. กะ 3.Complication. ใช้ได้ในผู้ป่วยในเท่านั้น จริงหรือเปล่าครับ ผู้รู้ทุกท่านช่วยตอบทีครับ
-
สอบถามหน่อยครับผม พอดีเพื่อนผมไปประชุม 21 แฟ้มที่ สนย.เป็นวิทยาก รแล้วเล่าให้ฟังว่า รพสต. Diag type ได้แค่1.principle Diag. 4.other. และ 5.External cause. เท่านั้น. ส่วน 2. Comorbid. กะ 3.Complication. ใช้ได้ในผู้ป่วยในเท่านั้น จริงหรือเปล่าครับ ผู้รู้ทุกท่านช่วยตอบทีครับ
จริงครับ
ตอนไปประชุม สปสช.ที่เชียงใหม่
สปสช.ก็แจ้งแบบนี้มาเหมือนกันครับ
-
สอบถามหน่อยครับผม พอดีเพื่อนผมไปประชุม 21 แฟ้มที่ สนย.เป็นวิทยาก รแล้วเล่าให้ฟังว่า รพสต. Diag type ได้แค่1.principle Diag. 4.other. และ 5.External cause. เท่านั้น. ส่วน 2. Comorbid. กะ 3.Complication. ใช้ได้ในผู้ป่วยในเท่านั้น จริงหรือเปล่าครับ ผู้รู้ทุกท่านช่วยตอบทีครับ
เอ....ไม่น่าจะจริง...ถ้า รพ.สต.มีนักแพทย์แผนไทยล่ะครับ...ต้องมีรัหสโรคทั้ง PDx+SDx 1,2
เพราะหากมีบริการแพทย์แผนไทย ต้องมีการให้รหัส U แบบ SDx=Diagtype=2 ครับ.. หรือว่า..จะให้เลี่ยงเป็นอะไร ??? ??? ??? ???
-
คือต้องดูว่าใครเป็นคนแจ้ง และอ้างอิงมาจากไหนด้วยนะครับ บางที่สิ่งที่แจ้งในที่ประชุมถ้าไม่มีหนังสือส่งยืนยันมาด้วย ก็คงจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ครับ
-
สอบถามหน่อยครับผม พอดีเพื่อนผมไปประชุม 21 แฟ้มที่ สนย.เป็นวิทยาก รแล้วเล่าให้ฟังว่า รพสต. Diag type ได้แค่1.principle Diag. 4.other. และ 5.External cause. เท่านั้น. ส่วน 2. Comorbid. กะ 3.Complication. ใช้ได้ในผู้ป่วยในเท่านั้น จริงหรือเปล่าครับ ผู้รู้ทุกท่านช่วยตอบทีครับ
ตามหลักการให้รหัสโรคแล้ว ไม่ได้มีการกำหนดว่าห้ามใช้นะครับ
แต่ให้ใส่ได้ในกรณีที่จำเป็น เช่น comorbid เป็นการให้การรักษาโรคที่เป็นร่วมอยู่ด้วยในการมารักษาครั้งนั้น ๆ
เช่น ผู้ป่วยเป็นแผลรถล้ม และเป็นหวัดมาก่อนแล้ว มาทำแผล แล้วคนไข้ Complain เรื่องหวัด ก็สั่งยารักษาหวัดให้ไปด้วย
การลงวินิจฉัย
1.ลงแผล (Sxxx) เป็น PDx
2. ลงสาเหตุของการเกิด (เป็น external cause)
3. ลงโรคหวัดเป็น SDx (Comorbidity)
ส่วน complication มักเป็นการรักษาโรคที่เกิดขึ้นหลังให้การรักษาแล้ว หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา ซึ่งมักเกิดกับผู้ป่วยใน อันนี้จึงมักใช้กับผู้ป่วยในเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยพบกับผู้ป่วยนอก (เพราะเป็นการรักษาโรคที่เกิดขึ้นหลังให้การรักษาพยาบาลแล้ว)
นอกจากนี้ SDx อาจมีได้มากกว่า 1 เช่น เป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน หวัด มารักษาใน visit นัดของคลินิกเบาหวาน ก็ลง E1xx เป็น PDx
ที่เหลือเป็น SDx ที่เป็น comorbid ทั้งหมด เพราะเป็นมาก่อนและให้การรักษา หากไม่ได้รักษาไม่ต้องลงวินิจฉัย
-
คือต้องดูว่าใครเป็นคนแจ้ง และอ้างอิงมาจากไหนด้วยนะครับ บางที่สิ่งที่แจ้งในที่ประชุมถ้าไม่มีหนังสือส่งยืนยันมาด้วย ก็คงจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ครับ
:D :D
-
ที่ พิษณุโลก สนย. เพิ่งกลับไป ยืนยันครับ ว่า 2และ3 ใช้ในผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนสอ. ใช้ 1,4,5 สอบถามด้วยความสงสัย ตามที่ท่านๆ สงสัยกันแล้ว อย่างเช่น ผู้ป่วยนัด เบาหวานความดัน คือเป็นทั้งสองโรคในคนเดียว ก็ต้องเลือกโรคที่รุนแรงกว่าเป็น 1 อีกโรคเป็น 4 ครับ หรือ มาตรวจเบาหวานความดันแล้วเป็นหวัด ก็ดูที่ขนาดความรุนแรงของโรคเหมือนกัน ถ้ามีอาการหวัดชัดเจนให้หวัดเป็น1 ครับ เบาหวานเป็น 4 ที่ชัดเจนเพราะสนย.เค้าต่อโทรศัพท์คุยกับอาจารย์หมออะไรผมจำไม่ได้ ที่เป็นคนทำเรื่อง icd10 ตอบจากโทรศัพท์ผ่านลำโพงเลยครับ สรุป1 มีได้อันเดียว ส่วน 4 จะมีกี่อันก็ได้เท่าที่จำเป็นครับ
-
ที่ พิษณุโลก สนย. เพิ่งกลับไป ยืนยันครับ ว่า 2และ3 ใช้ในผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนสอ. ใช้ 1,4,5 สอบถามด้วยความสงสัย ตามที่ท่านๆ สงสัยกันแล้ว อย่างเช่น ผู้ป่วยนัด เบาหวานความดัน คือเป็นทั้งสองโรคในคนเดียว ก็ต้องเลือกโรคที่รุนแรงกว่าเป็น 1 อีกโรคเป็น 4 ครับ หรือ มาตรวจเบาหวานความดันแล้วเป็นหวัด ก็ดูที่ขนาดความรุนแรงของโรคเหมือนกัน ถ้ามีอาการหวัดชัดเจนให้หวัดเป็น1 ครับ เบาหวานเป็น 4 ที่ชัดเจนเพราะสนย.เค้าต่อโทรศัพท์คุยกับอาจารย์หมออะไรผมจำไม่ได้ ที่เป็นคนทำเรื่อง icd10 ตอบจากโทรศัพท์ผ่านลำโพงเลยครับ สรุป1 มีได้อันเดียว ส่วน 4 จะมีกี่อันก็ได้เท่าที่จำเป็นครับ
อืม........... ??? ??? ??? ???
http://www.thcc.or.th/ebook5/vol5.html (http://www.thcc.or.th/ebook5/vol5.html)
ปัจจุบัน เห็นมีแต่ รพ.สต...ไม่ค่อยเห็น สอ. ครับ..ก็คือ รพ.เช่นกัน หรือแม้แต่มีทีมรักษาจาก รพ.มาตรวจรักษาที่ รพ.สต. ก็ต้องสามารถรักษาได้ครับในรหัสโรคร่วม เช่นเป็นทั้งเบาหวานและความดัน ต้องมีทั้ง PDx+SDx อยู่ดี....ไม่น่าเกี่ยวกับคำว่า มิใช่ รพ..... ??? ??? ??? ??? ???
-
สนย.ตอบประเด็น 2 3 สำหรับู้ป่วย IPD ครับ ไม่เกียวกับชื่อ รพ. หรือ สอ. ประเด็นนี้ถกกันาน สนย.ก็ยืนยันว่าต้อง 1 4 5 เท่านั้นสำหรับผป.นอก
หาก โปรแกรมตั้งเป็น 4 แทน 2 เลยก็ดี
อีกประเด็นหนึ่งคือ ANC EPI ที่รับบริการที่อื่น ต้องส่งออกไปด้วย ไปด้วย สนย.เอาไปคิดความครอบคลุม
สนย.บอกว่าแฟ้มนี้เป็นแฟ้มบริการและสำรวจ ฝากทาง BMS ช่วยดูให้ด้วยครับ
-
สนย.ตอบประเด็น 2 3 สำหรับู้ป่วย IPD ครับ ไม่เกียวกับชื่อ รพ. หรือ สอ. ประเด็นนี้ถกกันาน สนย.ก็ยืนยันว่าต้อง 1 4 5 เท่านั้นสำหรับผป.นอก
หาก โปรแกรมตั้งเป็น 4 แทน 2 เลยก็ดี
อีกประเด็นหนึ่งคือ ANC EPI ที่รับบริการที่อื่น ต้องส่งออกไปด้วย ไปด้วย สนย.เอาไปคิดความครอบคลุม
สนย.บอกว่าแฟ้มนี้เป็นแฟ้มบริการและสำรวจ ฝากทาง BMS ช่วยดูให้ด้วยครับ
จริงๆ แล้วผมก็ไม่มีปัญหานะครับ ว่าจะต้องเป็น 1 4 5 แต่ผมแค่อยากจะมั่นใจครับว่ามันถูกต้องที่จะทำเช่นนั้น และผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญพอสมควร อย่างน้อยควรจะมีหนังสือแจ้งไปยังทุกหน่วยให้บริการทราบนะครับ จะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
-
สนย.ตอบประเด็น 2 3 สำหรับู้ป่วย IPD ครับ ไม่เกียวกับชื่อ รพ. หรือ สอ. ประเด็นนี้ถกกันาน สนย.ก็ยืนยันว่าต้อง 1 4 5 เท่านั้นสำหรับผป.นอก
หาก โปรแกรมตั้งเป็น 4 แทน 2 เลยก็ดี
อีกประเด็นหนึ่งคือ ANC EPI ที่รับบริการที่อื่น ต้องส่งออกไปด้วย ไปด้วย สนย.เอาไปคิดความครอบคลุม
สนย.บอกว่าแฟ้มนี้เป็นแฟ้มบริการและสำรวจ ฝากทาง BMS ช่วยดูให้ด้วยครับ
จริงๆ แล้วผมก็ไม่มีปัญหานะครับ ว่าจะต้องเป็น 1 4 5 แต่ผมแค่อยากจะมั่นใจครับว่ามันถูกต้องที่จะทำเช่นนั้น และผมคิดว่านี่เป็นเรื่องที่สำคัญพอสมควร อย่างน้อยควรจะมีหนังสือแจ้งไปยังทุกหน่วยให้บริการทราบนะครับ จะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
จริงของ อ.manoi ครับยังไม่มีหนังสือยืนยันเป็นที่แน่ชัดจากต้นสังกัดที่ให้ข้อมูล คงต้องรอการยืนยันอีกทีครับ
-
ผมเห็นอาจารย์ วรรษา เปาอิน ก็สอนการให้รหัสเหมือนกับพี่อุดมโชคนะครับ
สอบถามหน่อยครับผม พอดีเพื่อนผมไปประชุม 21 แฟ้มที่ สนย.เป็นวิทยาก รแล้วเล่าให้ฟังว่า รพสต. Diag type ได้แค่1.principle Diag. 4.other. และ 5.External cause. เท่านั้น. ส่วน 2. Comorbid. กะ 3.Complication. ใช้ได้ในผู้ป่วยในเท่านั้น จริงหรือเปล่าครับ ผู้รู้ทุกท่านช่วยตอบทีครับ
ตามหลักการให้รหัสโรคแล้ว ไม่ได้มีการกำหนดว่าห้ามใช้นะครับ
แต่ให้ใส่ได้ในกรณีที่จำเป็น เช่น comorbid เป็นการให้การรักษาโรคที่เป็นร่วมอยู่ด้วยในการมารักษาครั้งนั้น ๆ
เช่น ผู้ป่วยเป็นแผลรถล้ม และเป็นหวัดมาก่อนแล้ว มาทำแผล แล้วคนไข้ Complain เรื่องหวัด ก็สั่งยารักษาหวัดให้ไปด้วย
การลงวินิจฉัย
1.ลงแผล (Sxxx) เป็น PDx
2. ลงสาเหตุของการเกิด (เป็น external cause)
3. ลงโรคหวัดเป็น SDx (Comorbidity)
ส่วน complication มักเป็นการรักษาโรคที่เกิดขึ้นหลังให้การรักษาแล้ว หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา ซึ่งมักเกิดกับผู้ป่วยใน อันนี้จึงมักใช้กับผู้ป่วยในเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยพบกับผู้ป่วยนอก (เพราะเป็นการรักษาโรคที่เกิดขึ้นหลังให้การรักษาพยาบาลแล้ว)
นอกจากนี้ SDx อาจมีได้มากกว่า 1 เช่น เป็นเบาหวาน ความดัน ไขมัน หวัด มารักษาใน visit นัดของคลินิกเบาหวาน ก็ลง E1xx เป็น PDx
ที่เหลือเป็น SDx ที่เป็น comorbid ทั้งหมด เพราะเป็นมาก่อนและให้การรักษา หากไม่ได้รักษาไม่ต้องลงวินิจฉัย
-
ผมเห็นอาจารย์ วรรษา เปาอิน ก็สอนการให้รหัสเหมือนกับพี่อุดมโชคนะครับ
โอ่ว...อย่าเอาผมไปเทียบชั้นกับ อ.วรรษาเลยครับ นั่นปรมาจารย์แล้วครับ :D :D :D :D
-
ส่วนผมรอฟัง เพื่อเก็บเกียวความรู้ครับ...เทพพี่โก้.. ;D ;D ;D ;D
-
ผมฟังมานานแล้วครับ ขออนุญาต แลกเปลี่ยนครับ
ตามคำนิยาม ของ Principal Diagnosis.Comorbity,Complication ไม่มีถ้อยคำใด ที่แสดงไว้ว่า ห้ามใช้ หรือ ให้ใช้ ในสถานพยาบาลประเภทใด เลย หากจะมีการกำหนด เช่นนั้น จำเป็นต้องเรียก หรือ ทำหนังสือ แจ้งเป็นแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนว่า เหตุผลใด ถึงต้องแยกการแบ่งประเภทโรค ตาม สถานพยาบาลในประเทศไทย มันเรื่องใหญ่นะครับ ผมยังยืนยัน ในฐานะทำงานมา ตั้งแต่ ปี 2532 และ ประชุมในเรื่องนี้มาก็มาก ตั้งแต่การประชุมที่ร้านกาแฟ ข้าง รพ.กับเพื่อนๆๆ อาชีพเดียวกัน รวมถึงระดับประเทศ ยืนยันว่า ยังไม่เห็นหนังสือชี้แจงเรื่อง ความเหมาะสม ในการวินิจฉัยหรือ การแบ่งระดับประเภทโรคดังกล่าว
-
ผมฟังมานานแล้วครับ ขออนุญาต แลกเปลี่ยนครับ
ตามคำนิยาม ของ Principal Diagnosis.Comorbity,Complication ไม่มีถ้อยคำใด ที่แสดงไว้ว่า ห้ามใช้ หรือ ให้ใช้ ในสถานพยาบาลประเภทใด เลย หากจะมีการกำหนด เช่นนั้น จำเป็นต้องเรียก หรือ ทำหนังสือ แจ้งเป็นแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจนว่า เหตุผลใด ถึงต้องแยกการแบ่งประเภทโรค ตาม สถานพยาบาลในประเทศไทย มันเรื่องใหญ่นะครับ ผมยังยืนยัน ในฐานะทำงานมา ตั้งแต่ ปี 2532 และ ประชุมในเรื่องนี้มาก็มาก ตั้งแต่การประชุมที่ร้านกาแฟ ข้าง รพ.กับเพื่อนๆๆ อาชีพเดียวกัน รวมถึงระดับประเทศ ยืนยันว่า ยังไม่เห็นหนังสือชี้แจงเรื่อง ความเหมาะสม ในการวินิจฉัยหรือ การแบ่งระดับประเภทโรคดังกล่าว
อืม..นั่นสิครับ..เล่นกัน งงงงงงง เลย...กลายเป็น รพ.สต. แพทย์หรือพยาบาลเวชปฎิบัติที่ไปตรวจรักษาก็จะห้ามให้บริการตรวจรักษาโรคประจำตัวที่ต้องรับยาทุกเดือนซะง้้น... เพราะไปทำการที่ รพ.สต.. ??? ??? ??? ???