พอดีติดงาน อยู่ ไว้ จะขอแจมด้วยครับ
เสนอ
1. หลักๆ นวก.คอมฯ โรงพยาบาล ควรจะรวมตัว ประชุม ทั้งประเทศกันสักครั้ง
___________________________________________________
2. หา นวก.คอม ที่ ผลงานเด่นๆ เช่น พี่ อาร์ม รพ.ด่านซ้าย
พี่ รพ. อ่างทอง HosXP mini
3. หา นวก.คอม ที่ Present เก่งๆ
2 + 3 ไว้นำเสนอในที่ประชุม
___________________________________________________
4. ขอความร่วมมือ คนวงการ สาธารณสุข เข้าร่วมช่วยเป็นแรงผลักดัน ในวันที่ประชุม
ไว้เป็น Backup ให้พวกเรา ได้ แพทย์ ร่วมด้วยจะดีมาก
5. ขอความร่วมมือ หรือ เชิญ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคลากร ของสำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุข
เข้าร่วมประชุม
6. หัวหน้ากลุ่มงานหรือผู้ที่เกี่ยวของ ของ ก.พ. ด้านการขอกำลังคนจัดสรร หน่วยงานราชการ
7. นักการเมือง ที่สามารถ พูดคุยกันได้
__________________________________________________________________________
แต่หลักๆ ตอนนี้ เราขาดคน ที่เป็นผู้นำ ในการผลักดัน กรอบ บุคลากร ด้าน IT
ใครสนใจ แจ้งชื่อ หรือเสนอเลยครับ
ไว้จะมาต่อครับ
ข้อที่ 7 :) :) :) :) :) :) :) :)อ.นาจ จะรับไปเจรจา เหรอครับ ;D ;D ;D ;D
เห็น พี่น้อง Admin ทั้งหลาย ทุกข์ ร้อน ทั้งเงินเดือน ค่าอื่น ๆ น้อย งานเยอะ โดนบ่น สาระพัดแนวร่วมเป็นได้ครับ แต่ชื่อกลุ่มคนเสื้อคอม นี่ เปลี่ยนเป็น กลุ่มนวก.คอม ดีกว่าครับ
อยากให้มีคนรับรู้เยอะ อยากให้มีความก้าวหน้าในตำแหน่ง นวก.คอม ใน รพ.บ้าง (เพื่ออนาคต)
เราต้องสร้าง กลุ่มคนเสื้อคอมฯ เพื่อ ให้เค้าเห็นค่าของพวกเรา เราทำงาน ให้คนอื่นเยอะแล้ว ทำไมไม่มีใครเห็นค่าของพวกเรา ถึงคราวที่พวกเราต้องออกเสียงเพื่อตัวเราบ้าง ขอแนวร่วมครับ
แลกเปลี่ยนกันดูครับ..
ต้องยอมรับว่าคนทำงานไอทีของโรงพยาบาลในปัจจุบันมาจากคน 2 กลุ่ม..
กลุ่มหนึ่ง เป็นคนที่อยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข แต่มีความสนใจ ชอบ หรือมีความสามารถในด้านไอที กลุ่มนี้จะค่อนข้างโชคดีเพราะมีทุนความรู้ระบบงานเดิม มาบวกเสริมเติมความสามารถทางด้านไอที และที่สำคัญมักจะเข้าใจเกี่ยวกับบริบทงานในโรงพยาบาล ความแตกต่างของแต่ละวิชาชีพ ทำให้เรียนรู้การจัดการ หรือพัฒนาระบบงานไอทีของโรงพยาบาลให้สามารถใช้งานได้ค่อนข้างดี..
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มที่จบทางด้านคอมพิวเตอร์มาโดยเฉพาะ มีความรู้ความเข้าใจในงานของตัวเองดี แต่ไม่มีความรู้ในงานสาธารณสุข หรือถ้าจะให้มีก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกพอสมควร..
กลุ่มแรกมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสีย เพราะเรียนมาด้านหนึ่งแต่ดันได้รับผิดชอบงานอีกด้านหนึ่ง บางคนจนหาความก้าวหน้าในสายงานเดิมไม่มี.. เรียกว่าถูกกระทำไปแบบตกกระไดพลอยโจน ผู้บริหารก็ไววางใจให้ทางงานแต่ความก้าวหน้าก็งั้นๆ ค่าตอบแทนพิเศษก็ไม่มี โรงพยาบาลได้คนกลุ่มได้เป็น Admin ถือว่าโชคดีไปครับได้ 2เ้ด้ง
ส่วนกลุ่มที่สอง มักเป็นกลุ่มที่ถูกคาดหวังจากคนในโรงพยาบาลตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานทั่วไปว่า admin จะต้องทำได้ทุกอย่าง จ้างมาแล้วต้องใช้งานให้คุ้ม อะไรๆที่เกี่ยวกับไอที แม้กระทั่งพวกเครื่องเสียง อุปกรณ์ไฮเทคอะไรใหม่ๆ มีความเชื่อกันอย่างฝังใจว่าคนทำงานไอทีต้องรู้..ต้องใช้เป็น.. Software ทุกโปรแกรมต้องทำเป็น ประมาณว่าถ้าคนไอทีไม่รู้แล้ว..ใครจะรู้..
กลุ่มนี้น่าเห็นใจตรงที่ว่า งานหนัก เงินน้อย..ด้อยโอกาส ขาดความก้าวหน้า
แต่ปัญหาส่วนหนึุ่งต้องยอมรับว่า การใช้งานคนกลุ่มนี้ถูกมอบหมายหน้าที่ให้ทำงานผิดประเภท ทำให้การทำงานแต่ละวันอยู่อย่างเซ็งกะตาย ซ่อมเครื่องแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ รายวัน
เป็นแนวคิดที่ดีนะครับ ถ้าหากจะช่วยกันส่งเสริมและพัฒนาให้มีความรู้และเข้าใจการทำงานของคนไอทีมากขึ้น
ซึุ่งรวมถึงค่าตอบแทนที่เหมาะสมด้วย.. คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเข้าใจ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังมองคนทำงานไอทีว่าสบาย งานง่ายๆ ไม่ได้หนักหนาอะไร
ยินดีนะที่จะช่วยผลักดันให้คนมีความเข้าใจบุคลากรกลุ่มนี้มากขึ้น
แต่ก็อยากให้คนทำงานไอที ได้ศึกเรียน เรียนรู้ อดทนทำงานที่รับผิดชอบให้เห็นผลด้วยครับ..
ฝีมือไม่ดี มือไม่ถึง จะให้เขาเพิ่มค่าตอบแทนให้ก็กระไรอยู่นะครับ..
แลกเปลี่ยนกันดูครับ..
ต้องยอมรับว่าคนทำงานไอทีของโรงพยาบาลในปัจจุบันมาจากคน 2 กลุ่ม..
กลุ่มหนึ่ง เป็นคนที่อยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข แต่มีความสนใจ ชอบ หรือมีความสามารถในด้านไอที กลุ่มนี้จะค่อนข้างโชคดีเพราะมีทุนความรู้ระบบงานเดิม มาบวกเสริมเติมความสามารถทางด้านไอที และที่สำคัญมักจะเข้าใจเกี่ยวกับบริบทงานในโรงพยาบาล ความแตกต่างของแต่ละวิชาชีพ ทำให้เรียนรู้การจัดการ หรือพัฒนาระบบงานไอทีของโรงพยาบาลให้สามารถใช้งานได้ค่อนข้างดี..
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มที่จบทางด้านคอมพิวเตอร์มาโดยเฉพาะ มีความรู้ความเข้าใจในงานของตัวเองดี แต่ไม่มีความรู้ในงานสาธารณสุข หรือถ้าจะให้มีก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกพอสมควร..
กลุ่มแรกมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสีย เพราะเรียนมาด้านหนึ่งแต่ดันได้รับผิดชอบงานอีกด้านหนึ่ง บางคนจนหาความก้าวหน้าในสายงานเดิมไม่มี.. เรียกว่าถูกกระทำไปแบบตกกระไดพลอยโจน ผู้บริหารก็ไววางใจให้ทางงานแต่ความก้าวหน้าก็งั้นๆ ค่าตอบแทนพิเศษก็ไม่มี โรงพยาบาลได้คนกลุ่มได้เป็น Admin ถือว่าโชคดีไปครับได้ 2เ้ด้ง
ส่วนกลุ่มที่สอง มักเป็นกลุ่มที่ถูกคาดหวังจากคนในโรงพยาบาลตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานทั่วไปว่า admin จะต้องทำได้ทุกอย่าง จ้างมาแล้วต้องใช้งานให้คุ้ม อะไรๆที่เกี่ยวกับไอที แม้กระทั่งพวกเครื่องเสียง อุปกรณ์ไฮเทคอะไรใหม่ๆ มีความเชื่อกันอย่างฝังใจว่าคนทำงานไอทีต้องรู้..ต้องใช้เป็น.. Software ทุกโปรแกรมต้องทำเป็น ประมาณว่าถ้าคนไอทีไม่รู้แล้ว..ใครจะรู้..
กลุ่มนี้น่าเห็นใจตรงที่ว่า งานหนัก เงินน้อย..ด้อยโอกาส ขาดความก้าวหน้า
แต่ปัญหาส่วนหนึุ่งต้องยอมรับว่า การใช้งานคนกลุ่มนี้ถูกมอบหมายหน้าที่ให้ทำงานผิดประเภท ทำให้การทำงานแต่ละวันอยู่อย่างเซ็งกะตาย ซ่อมเครื่องแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ รายวัน
เป็นแนวคิดที่ดีนะครับ ถ้าหากจะช่วยกันส่งเสริมและพัฒนาให้มีความรู้และเข้าใจการทำงานของคนไอทีมากขึ้น
ซึุ่งรวมถึงค่าตอบแทนที่เหมาะสมด้วย.. คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเข้าใจ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังมองคนทำงานไอทีว่าสบาย งานง่ายๆ ไม่ได้หนักหนาอะไร
ยินดีนะที่จะช่วยผลักดันให้คนมีความเข้าใจบุคลากรกลุ่มนี้มากขึ้น
แต่ก็อยากให้คนทำงานไอที ได้ศึกเรียน เรียนรู้ อดทนทำงานที่รับผิดชอบให้เห็นผลด้วยครับ..
ฝีมือไม่ดี มือไม่ถึง จะให้เขาเพิ่มค่าตอบแทนให้ก็กระไรอยู่นะครับ..
Clear นะครับผมว่า
การรวมกลุ่มกันได้เป็นสิ่งที่ดีครับ.. ;D ;D ;D
..แต่ก็อย่าไปเครียส มากครับ คิดมากก็ยิ่งกลุ้ม ทำในสิงที่ชอบและสบายใจก็มีความสุขครับ....
รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ก็มีความสุข ....
...เหอๆ ;D ;D จะว่าไปผมก็ไม่ได้จบ สาสุขฯ หรือ IT มาโดยตรงหรอกครับ.....
...จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ ....
ทุกวันนี้ก็พอใจแล้ว(หนีจาก กทม. มาอยู่บ้านเรา มาอยู่กับครอบครัว ทำในสิ่งที่ชอบ มีส่วนพัฒนาบ้านเกิดชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้วครับ) ;D ;D ;D
แลกเปลี่ยนกันดูครับ..
ต้องยอมรับว่าคนทำงานไอทีของโรงพยาบาลในปัจจุบันมาจากคน 2 กลุ่มหลักๆ..
กลุ่มหนึ่ง เป็นคนที่อยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานสาธารณสุข มีความสนใจ/ชอบ หรือมีความสามารถพิเศษด้านไอที กลุ่มนี้ค่อนข้างโชคดีเพราะมีทุนความรู้ระบบงานสาธารณสุข บวกเสริมเติมความสามารถทางด้านไอที และที่สำคัญมักจะเข้าใจเกี่ยวกับบริบทงานในโรงพยาบาล ความแตกต่างของแต่ละวิชาชีพ ทำให้จัดการ หรือพัฒนาระบบงานไอทีของโรงพยาบาลให้สามารถใช้งานได้ค่อนข้างดี..
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มที่จบทางด้านคอมพิวเตอร์มาโดยเฉพาะ มีความรู้ความเข้าใจในงานคอมพิวเตอร์ที่เรียนมาดี แต่มีความรู้ความเ้ข้าใจในงานสาธารณสุขน้อย หรือถ้าจะให้มีก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้อีกพอสมควร..
กลุ่มแรกมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสีย เพราะเรียนมาด้านหนึ่งแต่ดันได้รับผิดชอบงานอีกด้านหนึ่ง จนบางคนหาความก้าวหน้าในสายงานเดิมไม่มี.. เรียกว่าถูกกระทำไปแบบตกกระไดพลอยโจน ผู้บริหารไว้วางใจให้ทางงานแต่ความก้าวหน้าก็งั้นๆ ค่าตอบแทนพิเศษก็ไม่มีทั้งๆที่ทำงานนี้ควรมีบุคลากรไอทีมาดูแล โรงพยาบาลไหนมีคนกลุ่มเป็น Admin ถือว่าโชคดีไปครับได้ 2เ้ด้ง
ส่วนกลุ่มที่สอง มักเป็นกลุ่มที่ถูกคาดหวังจากคนในโรงพยาบาลตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานทั่วไปว่า admin จะต้องทำได้ทุกอย่าง จ้างมาแล้วต้องใช้งานให้คุ้ม อะไรๆที่เกี่ยวกับไอที แม้กระทั่งพวกเครื่องเสียง อุปกรณ์ไฮเทคอะไรใหม่ๆ มีความเชื่อกันอย่างฝังใจว่าคนทำงานไอทีต้องรู้..ต้องใช้เป็น.. Software ทุกโปรแกรมต้องทำเป็น ประมาณว่าถ้าคนไอทีไม่รู้แล้ว..ใครจะรู้..
กลุ่มนี้น่าเห็นใจตรงที่ว่า งานหนัก เงินน้อย..ด้อยโอกาส ขาดความก้าวหน้า แถมยังต้องเจอปัญหาและรองรับอารมณ์ของเหล่าวิชาชีพสาธารณสุขทั้งหลาย พูด/แนะนำอะไรไปคนไม่ค่อยฟัง ไม่ยอมปรับวิธีทำงาน ดันทุรังจะให้ปรับแต่ software อย่างเดียว การมอบหมายงานให้คนกลุ่มนี้มักถูกให้ทำงานผิดประเภท การทำงานแต่ละวันอยู่อย่างเซ็งกะตาย พิมพ์งาน ซ่อมเครื่องแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ รายวันไม่ท้าทาย บวกกับรายต่ำ..อยู่ทำงานในองค์กรได้ไม่ดี และอยู่ได้ไม่นาน
เป็นแนวคิดที่ดีนะครับ ถ้าหากจะช่วยกันส่งเสริมและพัฒนา ความรู้และเข้าใจการทำงานของคนไอทีมากขึ้น
ซึุ่งรวมถึงการพิจารณาค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับภาระงานด้วย..
คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเข้าใจ แต่ในใจลึกๆ ก็ยังมองคนทำงานไอทีว่าทำงานสบาย งานง่ายๆ ไม่ได้หนักอะไร
ยินดีนะครับที่จะมีส่วนร่วมช่วยผลักดันความก้าวหน้าของบุคลากรกลุ่มไอที
แต่ก็อยากให้คนทำงานไอที ได้ศึกษา เรียนรู้ อดทนทำงานที่รับผิดชอบให้เห็นผลด้วยครับ..
ฝีมือไม่ดี มือไม่ถึง จะให้เขาเพิ่มค่าตอบแทนให้ก็กระไรอยู่นะ..
ส่วนกลุ่มที่สอง มักเป็นกลุ่มที่ถูกคาดหวังจากคนในโรงพยาบาลตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานทั่วไปว่า admin จะต้องทำได้ทุกอย่าง จ้างมาแล้วต้องใช้งานให้คุ้ม อะไรๆที่เกี่ยวกับไอที แม้กระทั่งพวกเครื่องเสียง อุปกรณ์ไฮเทคอะไรใหม่ๆ มีความเชื่อกันอย่างฝังใจว่าคนทำงานไอทีต้องรู้..ต้องใช้เป็น.. Software ทุกโปรแกรมต้องทำเป็น ประมาณว่าถ้าคนไอทีไม่รู้แล้ว..ใครจะรู้..
การรวมกลุ่มกันได้เป็นสิ่งที่ดีครับ.. ;D ;D ;Dไม่เครียด ครับ พี่นัด ไม่ใช่ เครียส.. อิอิ
..แต่ก็อย่าไปเครียส มากครับ คิดมากก็ยิ่งกลุ้ม ทำในสิงที่ชอบและสบายใจก็มีความสุขครับ....
รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ก็มีความสุข ....
...เหอๆ ;D ;D จะว่าไปผมก็ไม่ได้จบ สาสุขฯ หรือ IT มาโดยตรงหรอกครับ.....
...จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ ....
ทุกวันนี้ก็พอใจแล้ว(หนีจาก กทม. มาอยู่บ้านเรา มาอยู่กับครอบครัว ทำในสิ่งที่ชอบ มีส่วนพัฒนาบ้านเกิดชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้วครับ) ;D ;D ;D
ได้ทำงานที่ถนัด ที่ชอบ ก็ดีแล้วครับ..อย่าคิดมาก...นวก.คอมพ์..ทั้งกระทรวงจะมีกี่ตำแหน่งเชียว...ขอตำแหน่งที่กระทรวง แล้วกระทรวงจะขอใคร..ก็ต้องถาม..กพ..ซิ.. :D ;D :D ผมเป็นข้าราชการทำงาน..ตั้งแต่กวาดอนามัย ทำทุกอย่าง ดูแลข้อมูล สอ..ตัวเอง...ดูแลที่อื่นด้วย คอมพ์ที่อื่นก็ซ่อมให้ฟรี...บาทเดียวก็ไม่เคยเอา...งานแค่นี้..ชิว..ชิว..นะนะ.....เพื่อนๆ.สู้..สู้....อย่าท้อ..ครับ.. ;D ;D ;D
การรวมกลุ่มกันได้เป็นสิ่งที่ดีครับ.. ;D ;D ;Dไม่เครียด ครับ พี่นัด ไม่ใช่ เครียส.. อิอิ
..แต่ก็อย่าไปเครียส มากครับ คิดมากก็ยิ่งกลุ้ม ทำในสิงที่ชอบและสบายใจก็มีความสุขครับ....
รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ก็มีความสุข ....
...เหอๆ ;D ;D จะว่าไปผมก็ไม่ได้จบ สาสุขฯ หรือ IT มาโดยตรงหรอกครับ.....
...จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ ....
ทุกวันนี้ก็พอใจแล้ว(หนีจาก กทม. มาอยู่บ้านเรา มาอยู่กับครอบครัว ทำในสิ่งที่ชอบ มีส่วนพัฒนาบ้านเกิดชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้วครับ) ;D ;D ;D
ผมก็เป็นอีกคนที่ตัดสินใจหนีความวุ่นวายมาจาก กทม ครับ เงินเดือนเยอะ สวัสดิการดี ได้รับการยอมรับ มีเกียรติมีสังคมดี รายได้พิเศษเยอะ
แต่ความกดดันสูง ความรับผิดชอบสูง แข่งขันสูง เวลาส่วนตัวน้อย โดนตามตัวบ่อย หากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
อาจโดนตำหนิอย่างรุนแรง เนื่องจากทุกๆอย่างเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของบริษัทล้วน โบนัสอาจไม่ได้ หากทำตัวสบายๆ ไม่ active
อาจโดนบีบออกทุกวิถีทาง หากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อาจโดนจ้างออก อาจไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
ที่ผมเลือกที่จะกลับมาอยู่บ้าน สาเหตุหลักๆคืออยากอยู่กับครอบครัวและมีเวลาให้กัน ทุกวันนี้อยากเจอพ่อกับแม่ก็ขับรถ 15 นาทีถึง ได้อยู่กับลูก
ได้ทำงานที่เดียวกับน้องชายและภรรยา มีบ้านพักใน รพ. เช้ามาก็ปั่นจักรยานมาทำงาน ชีวิตมีเวลาเหลือเยอะขึ้น แถมยังคงได้ทำงานที่ตัวเองรัก
นั่นคือไอที ได้มีหัวหน้าที่ดีมีความสามารถ ทำให้เราอยากทำงานด้วย อยากเรียนรู้ด้วย งานไม่เครียด ไม่กดดัน มีเงินเหลือเก็บ ผมว่ามันก็โอเคนะครับ
เรื่องความก้าวหน้า ผมก็เห็นด้วยครับที่ว่า สายนี้เรื่องบุคลากรด้านไอทีเขาไม่สนับสนุน ออกแนวเพิกเฉยด้วยซ้ำ และไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรแต่
ก็อย่างที่พี่นัดเขาว่าแหละครับ คิดมากก็ยิ่งกลุ้ม ทำในสิงที่ชอบและสบายใจก็มีความสุขครับ
ได้ทำงานที่ถนัด ที่ชอบ ก็ดีแล้วครับ..อย่าคิดมาก...นวก.คอมพ์..ทั้งกระทรวงจะมีกี่ตำแหน่งเชียว...ขอตำแหน่งที่กระทรวง แล้วกระทรวงจะขอใคร..ก็ต้องถาม..กพ..ซิ.. :D ;D :D ผมเป็นข้าราชการทำงาน..ตั้งแต่กวาดอนามัย ทำทุกอย่าง ดูแลข้อมูล สอ..ตัวเอง...ดูแลที่อื่นด้วย คอมพ์ที่อื่นก็ซ่อมให้ฟรี...บาทเดียวก็ไม่เคยเอา...งานแค่นี้..ชิว..ชิว..นะนะ.....เพื่อนๆ.สู้..สู้....อย่าท้อ..ครับ.. ;D ;D ;D
พอดีผมเป็นลูกจ้างชั่วคราวครับ..... :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'( 1 เดือนได้ 4 โอเรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงคูณ 30 วัน
ตำแหน่ง | ประเภทโรงพยาบาล | ||
............ | กลุ่ม 1 | กลุ่ม 2 | กลุ่ม 3 |
นักวิชาการคอมพิวเตอร์ 3 – 5, 6ว./7วช./8วช. | 1 | - | - |
นักวิชาการคอมพิวเตอร์ 3 – 5, 6ว./7วช. | 3 | 3 | 2 |
เจ้าหน้าที่ระบบงานคอมพิวเตอร์ 3 – 5, 6ว. | 4 | 3 | 2 |
ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ | 3 | 2 | 1 |
รวม | 11 | 8 | 5 |
ได้พัฒนาบ้านเกิด ทำงานที่ตัวเองรักและชอบอย่างที่ว่าครับ พัฒนาบ้านเรา งานที่ชอบ ชอบในการพัฒนา ถึงช้าหน่อยแต่ก็ทำ
แต่ถูกกดดันจากรอบด้าน พูดอะไรให้ใครฟังก็เหมือนพูดกับต้นหญ้า
แต่ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีอยู่ (บ้าง) ครับ
วันไหนไม่มีที่ระบายก็กลับไปเล่นกีต้าร์ เล่นเบส ที่บ้าน
ดนตรีช่วยได้เยอะครับ
เสื้อคอม รายงานตัว หนึ่งคนครับ ;D
โครงสร้างตาม กพ. เขาได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ตั้งแต่ปี 2550ซึ่งดิฉันก็ได้รับ 1 ในตำแหน่งตามโครงสร้างและมีเงิน ค่าครองชีพ 900 บาทต่อเดือน ถ้าเป็นสถาบันการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ(วิทยาลัยเทคนิค/การอาชีพ/สารพัดช่าง )เขาจะให้สิทธิ์คนที่ทำงานเกิน 3-5 ปีสอบเข้าบรรจุข้าราชการ ซึ่งขณะนี้เขาก็ทะยอยบรรจุเลื่อย ๆ ทำไมกระทรวงสาธารณสุขถึงไม่ทำอย่างเขาบ้างคุณดาครับ...ตามโครงสร้างน่ะมีแน่นอนครับ..แต่กรองอัตรากำลัง หรือ เลข จ.18 น่ะ มันยังไม่มีให้บรรจุ ต้องรออนุมัติจาก กพ. ก่อน ดูน้องๆ พยาบาลจบใหม่เป็นตัวอย่างได้ เป็นลูกจ้างเหมือนกัน เพราะกรอบอัตรากำลัง เลข จ.18 ยังไม่มี..รอรุ่นพี่เกษียน ลาออก..ประมาณนี้ครับ..เลขว่างก็รอคิวบรรจุได้เลย..
ใน รพ มี นวก คอม บรรจุด้วยเหรอ มันไม่มี นะซิ จะรอรุ่นพี่เกษียน ลาออก....เลขว่างก็รอคิวบรรจุได้เลย..คงเป็นไปไม่ได้ ถ้า พยาบาล อาจจะโอเค เพราะมีการเกษียน และลาออก เรื่อยๆโครงสร้างตาม กพ. เขาได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ตั้งแต่ปี 2550ซึ่งดิฉันก็ได้รับ 1 ในตำแหน่งตามโครงสร้างและมีเงิน ค่าครองชีพ 900 บาทต่อเดือน ถ้าเป็นสถาบันการอาชีวศึกษากระทรวงศึกษาธิการ(วิทยาลัยเทคนิค/การอาชีพ/สารพัดช่าง )เขาจะให้สิทธิ์คนที่ทำงานเกิน 3-5 ปีสอบเข้าบรรจุข้าราชการ ซึ่งขณะนี้เขาก็ทะยอยบรรจุเลื่อย ๆ ทำไมกระทรวงสาธารณสุขถึงไม่ทำอย่างเขาบ้างคุณดาครับ...ตามโครงสร้างน่ะมีแน่นอนครับ..แต่กรองอัตรากำลัง หรือ เลข จ.18 น่ะ มันยังไม่มีให้บรรจุ ต้องรออนุมัติจาก กพ. ก่อน ดูน้องๆ พยาบาลจบใหม่เป็นตัวอย่างได้ เป็นลูกจ้างเหมือนกัน เพราะกรอบอัตรากำลัง เลข จ.18 ยังไม่มี..รอรุ่นพี่เกษียน ลาออก..ประมาณนี้ครับ..เลขว่างก็รอคิวบรรจุได้เลย..
การรวมกลุ่มกันได้เป็นสิ่งที่ดีครับ.. ;D ;D ;Dไม่เครียด ครับ พี่นัด ไม่ใช่ เครียส.. อิอิ
..แต่ก็อย่าไปเครียส มากครับ คิดมากก็ยิ่งกลุ้ม ทำในสิงที่ชอบและสบายใจก็มีความสุขครับ....
รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก ก็มีความสุข ....
...เหอๆ ;D ;D จะว่าไปผมก็ไม่ได้จบ สาสุขฯ หรือ IT มาโดยตรงหรอกครับ.....
...จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่ง ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่ ....
ทุกวันนี้ก็พอใจแล้ว(หนีจาก กทม. มาอยู่บ้านเรา มาอยู่กับครอบครัว ทำในสิ่งที่ชอบ มีส่วนพัฒนาบ้านเกิดชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้วครับ) ;D ;D ;D
ผมก็เป็นอีกคนที่ตัดสินใจหนีความวุ่นวายมาจาก กทม ครับ เงินเดือนเยอะ สวัสดิการดี ได้รับการยอมรับ มีเกียรติมีสังคมดี รายได้พิเศษเยอะ
แต่ความกดดันสูง ความรับผิดชอบสูง แข่งขันสูง เวลาส่วนตัวน้อย โดนตามตัวบ่อย หากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
อาจโดนตำหนิอย่างรุนแรง เนื่องจากทุกๆอย่างเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของบริษัทล้วน โบนัสอาจไม่ได้ หากทำตัวสบายๆ ไม่ active
อาจโดนบีบออกทุกวิถีทาง หากพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อาจโดนจ้างออก อาจไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
ที่ผมเลือกที่จะกลับมาอยู่บ้าน สาเหตุหลักๆคืออยากอยู่กับครอบครัวและมีเวลาให้กัน ทุกวันนี้อยากเจอพ่อกับแม่ก็ขับรถ 15 นาทีถึง ได้อยู่กับลูก
ได้ทำงานที่เดียวกับน้องชายและภรรยา มีบ้านพักใน รพ. เช้ามาก็ปั่นจักรยานมาทำงาน ชีวิตมีเวลาเหลือเยอะขึ้น แถมยังคงได้ทำงานที่ตัวเองรัก
นั่นคือไอที ได้มีหัวหน้าที่ดีมีความสามารถ ทำให้เราอยากทำงานด้วย อยากเรียนรู้ด้วย งานไม่เครียด ไม่กดดัน มีเงินเหลือเก็บ ผมว่ามันก็โอเคนะครับ
เรื่องความก้าวหน้า ผมก็เห็นด้วยครับที่ว่า สายนี้เรื่องบุคลากรด้านไอทีเขาไม่สนับสนุน ออกแนวเพิกเฉยด้วยซ้ำ และไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรแต่
ก็อย่างที่พี่นัดเขาว่าแหละครับ คิดมากก็ยิ่งกลุ้ม ทำในสิงที่ชอบและสบายใจก็มีความสุขครับ
ถูกใจมากเลยครับ
ตั้งแต่ผมจบมาเมื่อปี 52 ก็ไม่คิดที่จะเข้าไปทำงานใน กทม.เลย
ทั้ง ๆ ที่พวกเพื่อนๆ เข้า กทม.กันเกือบหมด
บางคนเงินเดือน เยอะกว่าผม 2 เดือนอีก
แต่สิ่งที่แตกต่างอย่าเห็นได้ชัดคือ
ชีวิตมีความสุขดี แม้ตังจะไม่พอใช้บ้าง 555+
อยู่ใกล้พ่อ ใกล้แม่ ใกล้แฟน
;D ;D ;D
มีเคล็ดไม่ลับมาบอกนิ๊สนึง ..สำหรับคนที่หน่วยงานไม่ค่อยมีสวัสดิการมากมาย ...หาแฟนเป็นข้าราชการแล้วท่านจะได้รับสิทธินั้นทันที ..หุหุ
อยากให้มองข้อดีของการทำงานในหน่วยงานราชการคือเท่าที่ดูๆมา ส่วนมากใครได้หลุดเข้ามาในแวดวงสาธารณสุขแล้ว ถือว่าโชคดีไปขั้นหนึ่งแล้วล่ะ ถ้าไม่เลวสุดๆ โอกาสจะถูกเลิกจ้างก็น้อยมากๆ บางที่มีสวัสดิการดีมั่กๆ จนเรียกได้ว่าไม่ต่างจากข้าราชการเท่าไหร่ แต่..อย่างว่าแหละถ้ายึดติดกับตำแหน่ง/สถานะ มันก็...ทำใจลำบาก..อย่างเราเลือกแล้วว่าจะทำงานเป็นนักวิชาการ ไม่สนแล้วเรื่องค่าตอบแทน เงินเวร อะไรๆของพยาบาล ก็เลยต้องกินแกลบรายเดือน แต่ก็ OK นะกับรสชาติแหยะๆของแกลบ อิ๊อิ๊วันหลังหากมีโอกาสไปหนองคาย สงสัยจะต้องเตรียมกินแกลบด้วย 555555555555
ผมเคยมีโอกาสเข้าร่วมจัดทำอัตรกำลังคนด้าน IT ของ รพศ./รพท. กับศูนย์ ICT สป. ตั้งแต่ปี 2548
โดยกำหนดโครงสร้างไว้แบบนี้ครับ
กรอบอัตรากำลัง
เนื่องจากโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปมีหลายขนาด ทำให้การกำหนดอัตรากำลังเป็นแบบเดียวกันเป็นไปได้ยาก คณะทำงานจึงแบ่งโรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปออกเป็นกลุ่ม โดยอ้างอิงจำนวนเตียง และภาระงานตามที่กำหนดในแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ กระทรวงสาธารณสุข ปี 25… ได้แก่
1. โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ขนาดมากกว่า 700 เตียง (กลุ่ม 1)
2. โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ขนาด 350 – 700 เตียง (กลุ่ม 2)
3. โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไป ขนาดน้อยกว่า 350 เตียง (กลุ่ม 3)
อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ตำแหน่ง ประเภทโรงพยาบาล ............ กลุ่ม 1 กลุ่ม 2 กลุ่ม 3 นักวิชาการคอมพิวเตอร์ 3 – 5, 6ว./7วช./8วช. 1 - - นักวิชาการคอมพิวเตอร์ 3 – 5, 6ว./7วช. 3 3 2 เจ้าหน้าที่ระบบงานคอมพิวเตอร์ 3 – 5, 6ว. 4 3 2 ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ 3 2 1 รวม 11 8 5
รวมทั้งจัดทำภาระหน้าที่ และต้องส่งเข้า อกพ.กระทรวงครับ เพื่อให้พิจารณาโครงสร้าง แล้วจึงส่งต่อเข้า กพ. อีกที
แต่ช่วงนั้น กพ. เริ่มทำการศึกษาการปรับเปลี่ยนระบบข้าราชการเป็นระบบแท่ง
สิ่งที่ได้ทำไปก็เลยต้องหยุดไว้ที่ อกพ. กระทรวงครับ
จนบัดนี้ กพ. ก็ปรับเปลี่ยนระบบราชการเป็นระบบแท่งเสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไปตกอยู่ที่ไหนแล้ว
:( :( :( >:(
มีเคล็ดไม่ลับมาบอกนิ๊สนึง ..สำหรับคนที่หน่วยงานไม่ค่อยมีสวัสดิการมากมาย ...หาแฟนเป็นข้าราชการแล้วท่านจะได้รับสิทธินั้นทันที ..หุหุ
จะมีใครอนุเคราะห์ให้เราเกาะชายผ้าบ้างน้อ.... :D :D ;D
วันหลังหากมีโอกาสไปหนองคาย สงสัยจะต้องเตรียมกินแกลบด้วย 555555555555ขำขำน่ะ พี่โก้ เมื่อไหร่จะมาหนองคายอีก
แหม....คงไม่ขนาดนั้นมั้งครับ ;D ;D
มองในแง่ดี..โลกนี้จะได้มีคนเหงาน้อยลงอีกตั้ง 2 คนแน่ะ ไม่เชื่อถามท่าน Neo ก็ได้มีเคล็ดไม่ลับมาบอกนิ๊สนึง ..สำหรับคนที่หน่วยงานไม่ค่อยมีสวัสดิการมากมาย ...หาแฟนเป็นข้าราชการแล้วท่านจะได้รับสิทธินั้นทันที ..หุหุ
จะมีใครอนุเคราะห์ให้เราเกาะชายผ้าบ้างน้อ.... :D :D ;D
มันมืดบอดขนาดนั้นเลยเหรอครับ ต้องพึ่งพาแฟนเลยเหรอครับ ;D ;D แซวเล่นนะครับ ;D ;D
5555 ขอใช้สิทธิพาดพิงครับ ... การมีแฟนเป็นพยาบาลมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ขอพูดถึงข้อดีคือเรมีพยาบาลส่วนตัวไว้คอนเซาโดยไม่ต้องเสียค่าพยาบาลเป๊ก ขอเสียมีเวลาน้อยลงเพราะเราต้องเลี้ยงลูกแทนเขา 5555วันหลังหากมีโอกาสไปหนองคาย สงสัยจะต้องเตรียมกินแกลบด้วย 555555555555ขำขำน่ะ พี่โก้ เมื่อไหร่จะมาหนองคายอีก
แหม....คงไม่ขนาดนั้นมั้งครับ ;D ;Dมองในแง่ดี..โลกนี้จะได้มีคนเหงาน้อยลงอีกตั้ง 2 คนแน่ะ ไม่เชื่อถามท่าน Neo ก็ได้มีเคล็ดไม่ลับมาบอกนิ๊สนึง ..สำหรับคนที่หน่วยงานไม่ค่อยมีสวัสดิการมากมาย ...หาแฟนเป็นข้าราชการแล้วท่านจะได้รับสิทธินั้นทันที ..หุหุ
จะมีใครอนุเคราะห์ให้เราเกาะชายผ้าบ้างน้อ.... :D :D ;D
มันมืดบอดขนาดนั้นเลยเหรอครับ ต้องพึ่งพาแฟนเลยเหรอครับ ;D ;D แซวเล่นนะครับ ;D ;D
เห็นด้วย อย่างยิ่ง เห็นใจแล้วก็สนับสนุนนะ อยากเห็นพี่ๆน้องๆมีความก้าวหน้าในการทำงานทุกๆวิชาชีพ แต่..โอกาส/แนวทางยังมองไม่เห็นเลยถ้าจะให้ไปถึงขึ้นมีตำแหน่งบรรจุ เพราะถึงจะกำหนดกรอบ/โครงสร้างแต่ถ้าไม่มีตำแหน่งว่างก็ยากจะทำได้ ปกติ กพ.จะเรียกตำแหน่งว่างจากการเกษียณคืนส่วนกลางเกือบทั้งหมด จังหวัดจะสงวนไว้ได้ไม่เกิน 10 % ต่อปี แต่ก้ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ถ้าหน่วยงานเห็นความสำคัญจริงก็สามารถขอใช้ตำแหน่งว่าง (ตำแหน่งไหนก็ได้มากำหนดตำแหน่ง นวก.คอมฯขึ้นมา แล้วสอบบรรจุ) แต่ปัญหาคือ ท่านผู้บริหาร จะเห็นความสำคัญของเราไหม ทุกวันนี้ ในกระทรวงก็เห็นแต่พากันขอกำหนดตำแหน่งระดับบริหารเพิ่มขึ้น แต่ตำแหน่งปฏิบัติการไม่มีใครพูดถึงเลย มีเคล็ดไม่ลับมาบอกนิ๊สนึง ..สำหรับคนที่หน่วยงานไม่ค่อยมีสวัสดิการมากมาย ...หาแฟนเป็นข้าราชการแล้วท่านจะได้รับสิทธินั้นทันที ..หุหุ
ในความคิดเห็นส่วนตัว ระบบข้าราชการไทย จะไม่มีทางเปิดรับอะำไรที่มัน มาเกินหน้า เกินตา สายงานเดิมของเค้าเองเด็ดขาด (เพราะไอ้พวกเราค่าตัวมันสูงหากไปเทียบกะเอกชน) และในอดีตจนถึงปัจจุบันตำแหน่งAdmin นี้ก็ไม่ปรากฏสัญชาติในระบบข้าราชการไทยมาก่อน นอกซะจากมีการรวมกลุ่ม(อีกแล้วครับ) ประชุมหามติกันเองก่อน แล้วจึงทำเป็นหนังสือส่งไปถึงผู้ใหญ่มากๆหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ จึงจะประจักษ์ผลในเบื้องต้นครับสนับสนุนคับ พี่บ่าว :D
คิดว่าหลายคนก็คงจะเห็นทำนองเดี่ยวกัน กะผม และหากมีโอกาสที่จะร่วมประชุมเพื่อการ นี้ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าทุกท่านก็คงจะเห็นด้วย ทีนี้ก็แค่ ขอผู้ที่จะเสนอตัวมาเป็นแกนนำ เท่านั้นเอง ครับ เพราะหากไม่มีแกนนำ การรวมกลุ่มก็จะไม่มี และผู้ที่จะเป็นแกนนำนั้น ต้องมีข้อมูล และความพร้อมด้วย จึงเสนอว่า ประการแรก ต้องเสนอ แกนนำ และ ผู้ร่วมอุดมการก่อน ครับ ซึ่งคิดว่าบอร์ด นี้เปิดกว้างแน่นอน
ในความคิดเห็นส่วนตัว ระบบข้าราชการไทย จะไม่มีทางเปิดรับอะำไรที่มัน มาเกินหน้า เกินตา สายงานเดิมของเค้าเองเด็ดขาด (เพราะไอ้พวกเราค่าตัวมันสูงหากไปเทียบกะเอกชน) และในอดีตจนถึงปัจจุบันตำแหน่งAdmin นี้ก็ไม่ปรากฏสัญชาติในระบบข้าราชการไทยมาก่อน นอกซะจากมีการรวมกลุ่ม(อีกแล้วครับ) ประชุมหามติกันเองก่อน แล้วจึงทำเป็นหนังสือส่งไปถึงผู้ใหญ่มากๆหรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ จึงจะประจักษ์ผลในเบื้องต้นครับ
คิดว่าหลายคนก็คงจะเห็นทำนองเดี่ยวกัน กะผม และหากมีโอกาสที่จะร่วมประชุมเพื่อการ นี้ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าทุกท่านก็คงจะเห็นด้วย ทีนี้ก็แค่ ขอผู้ที่จะเสนอตัวมาเป็นแกนนำ เท่านั้นเอง ครับ เพราะหากไม่มีแกนนำ การรวมกลุ่มก็จะไม่มี และผู้ที่จะเป็นแกนนำนั้น ต้องมีข้อมูล และความพร้อมด้วย จึงเสนอว่า ประการแรก ต้องเสนอ แกนนำ และ ผู้ร่วมอุดมการก่อน ครับ ซึ่งคิดว่าบอร์ด นี้เปิดกว้างแน่นอน